Pages

Sunday, November 4, 2018

วิชาธรรมกาย กับประวัติศาสตร์ (6)

บทความตอนนี้ มาถึงปี พ.ศ. 2561 แล้ว ห่างจากความตอนที่ 5 ถึง 6 ปี
ณ จุดนี้ มีเหตุการณ์อะไรต่อเนื่องมาจากเมื่อ 6 ปี ก่อน

20 ม.ค. 2554 ครูอาจารย์ประกาศวันสำคัญในธาตุในธรรม ว่าเป็นวันแห่ง "มารสิ้นเชื้อ" และอีก 3 วันต่อมา มีการประกาศให้เข้านิพพาน ด้วยกายมนุษย์ หรือนิพพานเป็น หรือสอุปปาทิเสสนิพพาน นั่นเอง
ลูกศิษย์ลุง เชื่อในเหตุการณ์เหล่านี้เพียงไร?

เพราะ เหตุการณ์ทางโลกที่ผ่านมา เราพบว่า บุคคลสำคัญต่างแยกย้ายกลับ และไปทำหน้าที่ใหม่เกือบจะหมดแล้ว ในสายตาของบางท่าน อาจจะเห็นว่า โลกเราดูเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนไปในทางที่ "ดีขึ้น" ซักเท่าไหร่

การมองอะไรให้ออกตามความเป็นจริง หากเราอยู่ "ติด" กับมันจนเกินไป เรามักจะไม่เห็นมัน เพราะเราจะยังใช้ตัวชี้วัดแบบที่ยังติดโลก ที่ว่า มารหมด โลก "น่าจะ" ถูกพลิกเป็นโลกใบใหม่ ทุกข์ภัยโรคเหือดหาย (ผลของ)ปิฏกมารไม่มีอีก บางครั้งคิดไปถึงว่า จะไม่มีคนแก่คนเจ็บหลงเหลืออยู่อีกเลยด้วยซ้ำ คือกลับเป็นหนุ่มเป็นสาวเป็นคนแข็งแรงหมด นี่คือความคิดเฉพาะหน้าแบบมนุษย์ที่ยังติดอยู่ในโลกใบนี้

แต่ หากเรามองแบบถอยห่างจากโลกออกมา โดยสมมุติว่า เราเดินวิชชาเข้านิพพานให้ลึกมากๆ แล้วมองกลับมาที่โลกมนุษย์ใบนี้อีกครั้ง เราจะพบว่า

โลกปัจจุบัน อยู่ในยุคภัทรกัปป์ กำเนิดมาจากยุคทุกข์สมุทัยที่เริ่มต้นมายาวนาน ตอนต้นยุคมีดอกบัวทำนายว่ากัปป์นี้จะมีพระพุทธเจ้าอุบัติขี้น 5 พระองค์ ระยะห่างระหว่างพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ยาวนานยิ่งนักในสายตามนุษย์ ปัจจุบันมีพระพุทธเจ้าอุบัติไปแล้ว 4 พระองค์ องค์ที่ 5 กำลังรอการจัดสรรอยู่

ในสายตาธาตุธรรม โลกเก่าใบนี้ กำลังใช้เวลาในช่วงท้ายๆ เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ก็ตั้งอยู่ แลัวดับไป ตามหลักไตรลักษณ์อันมีมานานแสนนาน เป็นธรรมดาของยุคที่ผ่านมา หากเราเป็นธาตุธรรมซึ่งเป็นเสมือนผู้บริหาร และจะต้องจัดการสิ่งที่ยังหลงเหลืออยู่ หลังการพลิกฟื้นจากอำนาจปกครองเดิม เราจะบริหารโลกใบนี้ ที่กำลังใกล้หมดอายุขัยลงอยู่แล้ว อย่างไร? หากเราจะทุ่มเทแก้ไขโลก เราต้องทุ่มเททรัพยากรอย่างมากมาย สู้รอให้มันหมดอายุลงไปตามกาลเวลา แล้วเริ่มต้นกับโลกใบใหม่ จะดีกว่าไหม

ระหว่างนี้ ก็เป็นการเก็บเกี่ยวของผู้รู้ หากมีอะไรเฉพาะหน้าก็แก้ไขกันไปตามเกม ตามหน้าตัก ผู้ที่ยังสร้างบารมีก็อาศัยกายมนุษย์อันเดิมนี้ ทำบารมีไปก่อน ทุกข์ภัยโรคดั้งเดิมมันยังไม่หมด แต่เราอยู่ด้วยความรู้ ว่าข้างหน้าจะต้องดี อย่างแน่นอน

สำหรับผู้สร้างบารมี ท่านลงมาเกิดเพื่อสร้างบารมีตั้งแต่ยังมีมารเต็มอัตราศึก และเขาเป็นผู้ปกครองใหญ่ในยุคนั้น
แน่นอน ท่านมาเกิดในสายตาของผู้ที่รู้ว่าจะมาต่อต้านเขา เขาก็ต้องเตรียมทุกอย่างไว้ขัดขวางท่านมาตั้งแต่แรก เมื่อผ่านมาถึงยุคใหม่ "สิ่ง" ทั้งปวงเหล่านี้ยังอยู่กับท่าน ยังเป็นตัวท่าน เป็นสิ่งแวดล้อมบุตรบริวารของท่าน ยังไม่ได้ไปไหน ท่านต้องอดทน กายมนุษย์ปัจจุบันนี้เป็นเพียง "เครื่องมือ" ใช้สอยมาเก่าแก่ ก็ใช้มันต่อไปก่อน แต่เราอยู่ด้วย "ความรู้" เรามีตัวชี้วัดซึ่งไม่ใช่ตัวชี้วัดตื้นๆ เรายังมีงานสอนที่ยังเกิดธรรมอย่างอัศจรรย์ ซึ่ง​ชี้วัดได้แม้ไม่ต้องใช้รู้ญาณ

ความชนะของธรรมภาคขาว ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ เราเคยเห็นแต่ความชนะศึกสงครามของมนุษย์ทั้งในโลกแห่งความเป็นจริงและในภาพยนตร์ ผู้ชนะจะทำลายผู้แพ้ไม่ให้กลับมาตั้งตัวเป็นศัตรูได้อีก แต่ความชนะของธาตุธรรมที่เราเห็นอยู่นี้ ซึ่งเราก็เห็นได้แค่โลกของหุ่นมนุษย์เท่านั้น มันไม่เหมือนในประวัติศาสตร์ไหน เพราะเรายังเห็นหุ่นเดิมๆ ที่มารเคยใช้สอยเหมือนยังลอยนวล เป็นเพราะเรายึดมั่นถือมั่นหุ่น หรือเราจะมองให้ลึกถึงความเป็นจริงในอีกระดับหนึ่ง ให้เราพิจารณา

ขอให้ทุกท่าน โชคดีมีชัย โชคดีมีสุข ครับ

Monday, August 13, 2018

สุญญตา

ผมพยายามหาที่มา และความหมายของคำๆ นี้ หลายแห่งพยายามอธิบายอย่างยืดยาว ใช้ศัพท์ที่ดูยุ่งยาก ว่ามันมีความหมายลึกซึ้งมากๆ แต่เมื่อผมรวบยอดคำแปลมาจากหลายแห่ง สรุปได้เพียงว่า สุญญตา แปลว่า สูญ หรือศูนย์ หรือไม่มี นั่นเอง ตำราหลายแห่งบอกที่มาที่ไปว่า คำนี้เป็นศัพท์เฉพาะของพุทธศาสนา ซึ่งหมายถึง การว่างจากความมีตัวตน หรือมีอีกความหมายหนึ่งคือ ว่างจากกิเลส แต่ผู้รู้บางท่านก็ตีความต่อเนื่องเอาจากตัวหนังสือ หรือจินตนาการที่ไม่ได้รู้​ไม่ได้เห็นจากการปฏิบัติจริง (ปฏิเวธ)

สุญญตา ที่ผมอยากจะกล่าวถึงตามหลักวิชชาธรรมกาย คือ

หากเปรียบว่า สุญญตาคือ ความไม่มีตัวตน เมื่อมองจากกายมนุษย์เป็นหลัก กายมนุษย์ก็ไม่ใช่กายถาวร ที่ควรยึดมั่นถือมั่น เพราะมีความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ จึงเป็นอนัตตา ยึดมั่นถือมั่นไม่ได้ มีบทเรียนชัดเจนที่จะพิสูจน์ว่ากายนี้ตกอยู่ในไตรลักษณ์ ว่าเกิดจากเหตุอะไร ท่านต้องไปเรียน แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีสิ่งที่เที่ยงแท้กว่า เหตุที่เชื่อกันว่าไม่มีเพราะยังไม่มีความรู้ที่จะแสวงหาสิ่งเหล่านั้น เท่านั้นเอง

หากเปรียบว่า สุญญตา คือความว่างจากกิเลส อันนี้น่าฟัง หลายท่านก็บอกว่า จะว่างจากกิเลส ก็ต้องเข้านิพพาน แต่เมื่อมาเชื่อในเรื่องความไม่มีตัวตนจนเกินขอบเขต เลยนึกว่านิพพานพลอยไม่มีตัวตนไปด้วย แต่ไม่นึกว่า นิพพานอาจจะเป็นสถานที่ที่ว่างจากกิเลส ซึ่งไม่ได้หมายความ​ว่าตัวนิพพานคือความว่าง​

แก้วใบนี้ว่าง คือแก้วไม่ได้ใส่น้ำไว้ แก้วว่างจากน้ำ ไม่ใช่ไม่มีแก้ว

ถ้าเทียบสุญญตา เท่ากับศูนย์ หรือ เลข 0 ก็น่าคิด
สุญญตาเป็น เป้าหมาย ของการปฏิบัติธรรมในยุคทุกข์สมุทัย เพราะเป็นยุคแห่งการติดลบไปเสียทุกอย่าง เราจึงตั้งเป้าให้พ้นจากความติดลบนั้น ให้กลับมาเป็นศูนย์เสียก่อน เราติดลบจากทุกข์สมุทัย และปิฎกมาร (กิเลส) นั่นเอง จึงตั้งเป้าการสร้างบารมี เพื่อความพ้นทุกข์ และเพื่อความดับกิเลส

แต่เมื่อภาคกิเลสถูกกำจัดไปแล้ว การสร้างบารมีจะทำเพื่ออะไร เพราะก่อนยุคทุกข์สมุทัย คือยุคทานศีลภาวนา เขาก็สร้างบารมี​ และทำเพื่ออะไร

แก้วน้ำที่เดิมมีน้ำสกปรก เราเทน้ำสกปรกทิ้ง ล้างแก้วให้สะอาด แก้วนั้นว่างแล้ว เป็นสุญญตาแล้ว ต่อไปเราก็ต้องเติมน้ำสะอาดเข้าไปในแก้ว ถึงตรงนี้ ยังมีงานให้เราทำต่อ ไม่ใช่ไปมีสภาพ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี ตลอดกัลปวสาน

Saturday, May 26, 2018

ข้อผิดพลาด​ของ​คน​ศึก​ษา​ศาสนา​

ไม่เข้าใจ​การตั้ง​ตัว​ชี้​วัด​ สร้าง​บารมี​แล้ว​ยัง​ใช้​ตัว​ชี้​วัด​ที่​เป็น​โลกธรรม​

มุม​มอง​ชีวิต​ ใกล้ ไกล ไกลมาก ไกลสุด ไกลเลย

ความจริง​ทั้ง​หลายอาจ​ไม่ปรากฏ​ในยุค​เรา​ เราต้อง​ฉลาดในการชั่งระหว่าง​ ความรู้​กับการเอาตัวรอด​

เมื่อ​ศรัทธา​อะไรแล้ว​ พยายาม​หาหรือมอง เฉพาะ​เหตุผล​ที่​เข้า​กับความเชื่อ​ตน

บางทีก็​ถ่อมตัว​จนเกินไป​ กลัวเกินครูเกินศาสดา การครองกายมนุษย์​ ทำให้​เรา​ยังมี​กิเลส​มนุษย์​ ซึ่ง​เป็น​เรื่อง​ปกติ​ คล้ายเรื่องการตั้งตัวชี้วัด ไม่กล้า​ตั้งตัว​ชี้​วัด​ที่ยิ่งใหญ่​ เข้าใจว่าโพธิสัตว์เป็นสิ่งที่สูงจนไม่อาจเอื้อม​

ความรู้​ กับการปฏิบัติ​จนเข้าถึง​ ต่างกัน เหมือน​โค็ช​กับนักกีฬา​ ซึ่ง​ต้อง​พึ่ง​พิงกัน​ ผู้​ปฏิบัติ​ได้​อาจจนความรู้​ ผู้​มีความ​รู้​อาจทำอย่าง​ที่​รู้​ไม่ได้​

ศิษย์​ต้อง​เก่งกว่าอาจารย์​ โลกและ​ธรรม​จึง​จะเจริญ​

เราเรียน​รู้​ทางโลก​ให้สูง ทางธรรม​ก็ต้องพยายาม​แบบเดียวกัน​

มนุษย์​ไม่รู้​เลย​ว่า​ ตัวเอง​เกิดมาเพื่​อ​แสวงหา​อะไร​

เอาความรู้​ที่ไม่สมบูรณ์​ มาโต้เถียง​

มีเศรษฐานะ ชาติตระกูล ยศศักดิ์ ที่สูงเกินกว่าจะยอมรับความจริงด้านอื่น เพราะอยู่ในสถานะที่ดีอยู่แล้ว ต้นธาตุมาเกิดเป็นมนุษย์ จึงต้องมาเกิดเป็นคนจน