บทความตอนนี้ มาถึงปี พ.ศ. 2561 แล้ว ห่างจากความตอนที่ 5 ถึง 6 ปี
ณ จุดนี้ มีเหตุการณ์อะไรต่อเนื่องมาจากเมื่อ 6 ปี ก่อน
20 ม.ค. 2554 ครูอาจารย์ประกาศวันสำคัญในธาตุในธรรม ว่าเป็นวันแห่ง "มารสิ้นเชื้อ" และอีก 3 วันต่อมา มีการประกาศให้เข้านิพพาน ด้วยกายมนุษย์ หรือนิพพานเป็น หรือสอุปปาทิเสสนิพพาน นั่นเอง
ลูกศิษย์ลุง เชื่อในเหตุการณ์เหล่านี้เพียงไร?
เพราะ เหตุการณ์ทางโลกที่ผ่านมา เราพบว่า บุคคลสำคัญต่างแยกย้ายกลับ และไปทำหน้าที่ใหม่เกือบจะหมดแล้ว ในสายตาของบางท่าน อาจจะเห็นว่า โลกเราดูเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนไปในทางที่ "ดีขึ้น" ซักเท่าไหร่
การมองอะไรให้ออกตามความเป็นจริง หากเราอยู่ "ติด" กับมันจนเกินไป เรามักจะไม่เห็นมัน เพราะเราจะยังใช้ตัวชี้วัดแบบที่ยังติดโลก ที่ว่า มารหมด โลก "น่าจะ" ถูกพลิกเป็นโลกใบใหม่ ทุกข์ภัยโรคเหือดหาย (ผลของ)ปิฏกมารไม่มีอีก บางครั้งคิดไปถึงว่า จะไม่มีคนแก่คนเจ็บหลงเหลืออยู่อีกเลยด้วยซ้ำ คือกลับเป็นหนุ่มเป็นสาวเป็นคนแข็งแรงหมด นี่คือความคิดเฉพาะหน้าแบบมนุษย์ที่ยังติดอยู่ในโลกใบนี้
แต่ หากเรามองแบบถอยห่างจากโลกออกมา โดยสมมุติว่า เราเดินวิชชาเข้านิพพานให้ลึกมากๆ แล้วมองกลับมาที่โลกมนุษย์ใบนี้อีกครั้ง เราจะพบว่า
โลกปัจจุบัน อยู่ในยุคภัทรกัปป์ กำเนิดมาจากยุคทุกข์สมุทัยที่เริ่มต้นมายาวนาน ตอนต้นยุคมีดอกบัวทำนายว่ากัปป์นี้จะมีพระพุทธเจ้าอุบัติขี้น 5 พระองค์ ระยะห่างระหว่างพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ยาวนานยิ่งนักในสายตามนุษย์ ปัจจุบันมีพระพุทธเจ้าอุบัติไปแล้ว 4 พระองค์ องค์ที่ 5 กำลังรอการจัดสรรอยู่
ในสายตาธาตุธรรม โลกเก่าใบนี้ กำลังใช้เวลาในช่วงท้ายๆ เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ก็ตั้งอยู่ แลัวดับไป ตามหลักไตรลักษณ์อันมีมานานแสนนาน เป็นธรรมดาของยุคที่ผ่านมา หากเราเป็นธาตุธรรมซึ่งเป็นเสมือนผู้บริหาร และจะต้องจัดการสิ่งที่ยังหลงเหลืออยู่ หลังการพลิกฟื้นจากอำนาจปกครองเดิม เราจะบริหารโลกใบนี้ ที่กำลังใกล้หมดอายุขัยลงอยู่แล้ว อย่างไร? หากเราจะทุ่มเทแก้ไขโลก เราต้องทุ่มเททรัพยากรอย่างมากมาย สู้รอให้มันหมดอายุลงไปตามกาลเวลา แล้วเริ่มต้นกับโลกใบใหม่ จะดีกว่าไหม
ระหว่างนี้ ก็เป็นการเก็บเกี่ยวของผู้รู้ หากมีอะไรเฉพาะหน้าก็แก้ไขกันไปตามเกม ตามหน้าตัก ผู้ที่ยังสร้างบารมีก็อาศัยกายมนุษย์อันเดิมนี้ ทำบารมีไปก่อน ทุกข์ภัยโรคดั้งเดิมมันยังไม่หมด แต่เราอยู่ด้วยความรู้ ว่าข้างหน้าจะต้องดี อย่างแน่นอน
สำหรับผู้สร้างบารมี ท่านลงมาเกิดเพื่อสร้างบารมีตั้งแต่ยังมีมารเต็มอัตราศึก และเขาเป็นผู้ปกครองใหญ่ในยุคนั้น
แน่นอน ท่านมาเกิดในสายตาของผู้ที่รู้ว่าจะมาต่อต้านเขา เขาก็ต้องเตรียมทุกอย่างไว้ขัดขวางท่านมาตั้งแต่แรก เมื่อผ่านมาถึงยุคใหม่ "สิ่ง" ทั้งปวงเหล่านี้ยังอยู่กับท่าน ยังเป็นตัวท่าน เป็นสิ่งแวดล้อมบุตรบริวารของท่าน ยังไม่ได้ไปไหน ท่านต้องอดทน กายมนุษย์ปัจจุบันนี้เป็นเพียง "เครื่องมือ" ใช้สอยมาเก่าแก่ ก็ใช้มันต่อไปก่อน แต่เราอยู่ด้วย "ความรู้" เรามีตัวชี้วัดซึ่งไม่ใช่ตัวชี้วัดตื้นๆ เรายังมีงานสอนที่ยังเกิดธรรมอย่างอัศจรรย์ ซึ่งชี้วัดได้แม้ไม่ต้องใช้รู้ญาณ
ความชนะของธรรมภาคขาว ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ เราเคยเห็นแต่ความชนะศึกสงครามของมนุษย์ทั้งในโลกแห่งความเป็นจริงและในภาพยนตร์ ผู้ชนะจะทำลายผู้แพ้ไม่ให้กลับมาตั้งตัวเป็นศัตรูได้อีก แต่ความชนะของธาตุธรรมที่เราเห็นอยู่นี้ ซึ่งเราก็เห็นได้แค่โลกของหุ่นมนุษย์เท่านั้น มันไม่เหมือนในประวัติศาสตร์ไหน เพราะเรายังเห็นหุ่นเดิมๆ ที่มารเคยใช้สอยเหมือนยังลอยนวล เป็นเพราะเรายึดมั่นถือมั่นหุ่น หรือเราจะมองให้ลึกถึงความเป็นจริงในอีกระดับหนึ่ง ให้เราพิจารณา
ขอให้ทุกท่าน โชคดีมีชัย โชคดีมีสุข ครับ