ผมมีเพื่อนคนหนึ่งที่มักเห็นเหตุการณ์ต่างๆ ล่วงหน้าอยู่เสมอ
เคยบอกผมว่าร้านผมจะเปลี่ยนรูปแบบใหม่ เป็นลักษณะอย่างอื่นที่ไม่เหมือนเวลานั้น
อีกไม่นาน ผมก็ต้องย้ายร้าน เขาเคยบอกเพื่อนอีกคนว่าที่ทำงานจะต้องเปลี่ยนทางเข้าออก
จะต้องขึ้นป้ายใหญ่สีเขียว มีข้อความอย่างนั้นๆ แต่ที่ทำงานก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงซักที
จนเขาไปเรียนต่อและไม่ได้กลับมาทำงานที่เดิมอีก แต่เขาก็ยังเฝ้าถามถึงสิ่งที่เขาเห็นในรู้ญาณมาตลอด
จนเหตุการณ์ผ่านไปเกือบ 20 ปี ที่ทำงานแห่งนี้จึงเปลี่ยนภูมิทัศน์เป็นแบบที่เขาเห็นมาก่อนหน้าทุกประการ
แต่การรู้เห็นอีกส่วนหนึ่ง กลับเป็นเหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัว จนทำให้ผู้รู้เห็นอยู่ไม่เป็นสุข
เหมือนเราเห็นผี และลางไม่ดีอยู่ตลอดเวลา เราเคยไปปรึกษาอาจารย์ทางวิชชาธรรมกายที่วัดปากน้ำ
ท่านบอกว่าเป็นรู้ญาณของภาคมาร จึงทำให้เราไม่เป็นสุข ต้องแก้ไข
หลังจากเราไม่ได้ติดต่อกันมานาน เขาก็กลับมาเล่าเรื่องราวรวบยอดให้เราฟังอีกครั้ง
มีรู้ญาณสำคัญที่มีผลต่อการสร้างบารมี คือ ธรรมภาคมารได้มาต่อรองไม่ให้มาอยู่กับหมู่คณะสอนธรรม
มิฉะนั้นเขาจะขัดขวางทุกอย่าง หากไม่มา เขาจะไม่ยุ่งด้วย
เพื่อนท่านนี้ได้หลีกจากคณะสอนธรรมไประยะหนึ่ง แต่เหตุการณ์ไม่ได้เป็นอย่างที่ตกลงกัน
ภาคมารยังเข้ามาเกี่ยวข้องวุ่นวายอยู่เสมอ จนต้องตัดสินใจกลับมาเล่าเหตุการณ์ทั้งปวงให้เราได้รับรู้กันอีกครั้ง
ข้อมูลที่เล่ามา ทำให้เราพิจารณาได้ ดังนี้
หากเราสร้างบารมีโดยเรามองเห็น “สิ่ง” น่ากลัวที่จ้องขัดขวางเราอย่างชัดเจนอยู่ตลอดเวลา
เราคงทำงานอย่างลำบากยากยิ่ง เมื่อเราเริ่มสร้างบารมีใหม่ๆ
เราอาจจะต้องอาศัยการชิงไหวชิงพริบกับธรรมคนละภาคซึ่งปนเป็นอยู่กับเรา ต้องอาศัย
ต้องสร้างบารมีต่อยอดมาจากผู้คนมากหน้าหลายตา ตอนยังมีมารเต็มอัตราศึก ย่อมทำให้เราทำงานได้ไม่สนิทใจ
บางครั้งจึงต้องขอบคุณ ที่เรายังไม่มี “รู้ญาณ” ที่คมกล้าขนาดนั้น
ในเวลาที่เรายังไม่แข็งแรง เราจึงต้องอาศัยหลัก “เหตุผล”
ทำงานไปจนกว่าเราจะบรรลุเป้าหมาย โดยอาศัยครูบาอาจารย์ที่คอยประคับประคองเรามาโดยตลอด
เหตุการณ์ที่จะเกิดแก่ ขันธโลก สัตว์โลก หรืออากาสโลก สามารถรู้เห็นล่วงหน้าเป็นสิบๆ
ปี เชียวหรือ?
การเปลี่ยนแปลงของสถานที่ทำงานอย่างที่เพื่อนผมเห็นมาก่อนถึง 20 ปี
เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง หากไม่เกิดแก่ตัวเรา ก็คงเชื่อยาก
ในทางวิชชามีการคำนวณ อดีต ปัจจุบัน อนาคต กล่าวไว้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด เงื่อนเวลาเหล่านี้อาจจะอยู่ในจุดเดียวกัน
และเราคำนวณเห็นได้ในตอนเดินวิชชา จึงเป็นเรื่องไม่แปลก แต่เหตุการณ์จะขยายออกมาสู่ชีวิตภายนอกเมื่อไหร่
เท่านั้นเอง
นี่เป็นเรื่องในโลกมนุษย์ หากเป็นเรื่องในธาตุในธรรมจะเป็นอย่างไร
ทำให้ผมนึกถึงงานของคุณลุง ที่หลายครั้งธาตุธรรมจะบอกอะไรแก่ลุงเกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญหลายอย่าง
แต่เมื่อเราซึ่งเป็นมนุษย์ปุถุชน ได้รับทราบ เรายังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนนัก
จึงน่าจะเปรียบเทียบกับกรณีที่ผมเล่าให้ฟังข้างต้น
เมื่อธาตุธรรมเป็นผู้รู้เห็น เราจะเห็นความชัดเจนของเหตุการณ์เหล่านั้นได้เมื่อไหร่
เป็นเรื่องน่าคิด เวลาของเรา กับเวลาของธาตุธรรม น่าจะเป็นมิติที่มนุษย์มองได้ยากขึ้น