ผมห่างการเขียน Blog มานาน โดยตั้งใจจะเขียนแต่เรื่องที่สำคัญจริงๆ เท่านั้น เพราะเท่าที่ผ่านมา ผมเห็นว่าได้เขียนเนื้อหาที่อยากถ่ายทอดไว้พอสมควรแล้ว ท่านที่เคยติดตามขอได้โปรดทบทวน เพราะเนื้อหาบางอย่างเกี่ยวข้องกัน ซึ่งผมไม่ได้กล่าวซ้ำ และในบางครั้งเราอาจเกิดความคิดใหม่ๆ ต่อยอดขึ้นมา ในขณะทบทวน ทั้งที่เราเคยอ่านมาแล้วแต่อาจเร่งรีบจนไม่ทันได้พิจารณาเนื้อหาในส่วนลึก
วันนี้ เรามาเริ่มกัน เราคงเคยสงสัยว่า การสร้างบุญบารมีแต่ละอย่าง จะเทียบได้อย่างไรว่า บุญบารมีไหนมีอานิสงค์มากกว่ากัน หากเราเอาหลักของ การยกระดับธาตุธรรม มาพิจารณา จะช่วยให้เราตัดสินได้ง่ายขึ้น
การกระทำใดใดที่ทำให้เกิดการยกระดับธาตุธรรมของเรา หรือของผู้อื่นให้สูงขึ้น ถือเป็นบุญบารมีใหญ่ และการให้ความช่วยเหลือผู้บำเพ็ญบารมีในลักษณะนี้ ย่อมได้บารมีไปด้วย ตามส่วน
ในวิชชาธรรมกาย การยกระดับธาตุธรรมมีรูปแบบที่เข้าใจง่ายๆ ก็คือการเดิน(วิชชา) 18 กายนั่นเอง (ดูข้อ 1 ประกอบ) ซึ่งเป็นการยกระดับธาตุธรรมจาก ความเป็นมนุษย์ ไปเป็น ทิพย์ พรหม อรูปพรหม และกายธรรมในระดับต่างๆ
หากเราไม่เดินวิชชา แต่อาศัยการบำเพ็ญเพียรเพื่อยกระดับธาตุธรรม ต้องใช้การประพฤติธรรมในระดับที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งต้องยอมรับว่า ยาก และอาศัยเวลาในการบำเพ็ญเพียรมาก เมื่อเทียบกับการมาเรียนวิชชาธรรมกายและเดินวิชชา 18 กาย เสียอีก เช่น จากมนุษย์ปุถุชน จะไปเป็นเทวดา ต้องบำเพ็ญเทวธรรมคือ หิริโอตตัปปะ จากเทวดาจะไปเป็นพรหม ต้องบำเพ็ญ พรหมวิหาร 4 จนเกิดฌานสมาบัติ ทำเช่นนี้ไปในแต่ละระดับ
ผู้ใดสามารถทำให้ใครๆ เกิดการยกระดับธาตุธรรมขึ้น ไม่ว่าในขั้นตอนไหน ย่อมได้บารมีมหาศาล ในบันทึกของครูสมัยโบราณ ยกตัวอย่างเช่น หากเราใช้รู้ญาณกายธรรมของเราตรวจดู จะพบว่า มีผู้ที่ติดอยู่ในขั้นของ กายธรรมโคตรภูหยาบมากมายมหาศาล หากเราทำให้เขาเหล่านั้นก้าวต่อไปถึง กายธรรมโคตรภูละเอียดได้ เราย่อมได้บารมีสูง ในทำนองเดียวกัน ยังมีผู้ที่ติดอยู่ในลักษณะเช่นนี้ในขั้นอื่นๆ อีกมากมายนัก
หากเราให้ความสนใจมาที่กายมนุษย์หยาบ ข้อ 2 และข้อ 3 ในรูป จะพบว่าแค่เราเปลี่ยนให้มนุษย์คนหนึ่งที่ยังไม่มีการศึกษาไม่ว่าทางโลกหรือทางธรรม กลายเป็นมนุษย์ที่มีการศึกษา ด้วยการให้วิทยาทาน เราก็ได้บุญมากกว่าการให้อามิสทานแล้ว ยิ่งหากเราสามารถสอนมนุษย์ที่ยังไม่เห็นธรรม ให้มีดวงตาเห็นธรรมได้ คือให้ธรรมทาน แต่เป็นธรรมะระดับปฏิบัติ จนเกิดปฏิเวธ ย่อมเลิศกว่าการให้ทั้งปวง "สัพพะทานัง ธัมมะทานัง ชินาติ" นั่นเอง
การทำบุญแก่ผู้บำเพ็ญเพียรในเส้นทาง ของการยกระดับธาตุธรรม ย่อมมีอานิสงค์กว่ากันเป็นชั้นๆ เช่น การให้ทานแก่มนุษย์ย่อมมีอานิสงค์มากกว่าการให้ทานแก่สัตว์เดียรัจฉาน การให้ทานแก่มนุษย์ผู้บำเพ็ญตนเพื่อเป็นพระโสดาบัน ย่อมมีอานิสงค์มากกว่าการให้ทานแก่มนุษย์ทั่วไป ฯลฯ เราคงเคยได้ยินข้อมูลเหล่านี้มาบ้างแล้ว
การสอนธรรมปฏิบัติของเรา เป็นการยกระดับธาตุธรรมของผู้เรียนอย่างชัดเจน ให้เกิดดวงตาเห็นธรรม ให้เป็นธรรมกาย คุณลุงเคยบอกว่า "ไอ้ตอนที่ธรรมมันกำลังจะเกิดน่ะ บารมีมันมากมายก่ายกองเชียวนะ" แม้เราไม่ได้ไปสอนเองโดยตรง แต่ช่วยเหลือค่ารถ หรือไปช่วยจัดแถวเด็ก ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของการทำบารมีเหล่านี้แล้ว
หวังว่าเราคงเปรียบเทียบความ อ่อน แก่ ของบารมีที่เราทำ ได้พอสมควร