ในช่วงนี้มีอัศจรรย์เกิดขึ้นมากมาย ยังไงผมขอให้เราทบทวนเรื่อง เมื่ออัศจรรย์บังเกิด กับเรื่องศพไม่เน่า ไว้บ้าง อัศจรรย์ทั้งปวงเป็นแค่ ตัวชี้วัด ถึงอะไรบางอย่าง แต่มันหลอกให้เราหลงเชื่อได้ เช่น แต่เดิมเราตั้งเป้า “การเป็นผู้มีการศีกษา” ด้วย “การเรียนจบมหาวิทยาลัย” และชี้วัดด้วย “ใบปริญญา” แต่ปัจจุบันมีการแก่งแย่งกันมาก ก็เกิดมีใบปริญญาปลอมขึ้น สมมุติว่าอาจซื้อได้ด้วยเงิน ใบปริญญาซึ่งเคยชี้วัดความรู้แต่ดั้งเดิม จึงหลอกเราได้ ถ้าไม่ทันพิจารณา
วันนี้จะพูดถึงเรื่อง โลก 3 คือ สัตว์โลก ขันธโลก อากาศโลก ไม่ใช่ ภพ 3 ซึ่งหมายถึงกามภพ รูปภพ อรูปภพ นะครับ
โลกคือที่อยู่อาศัย โลกทั้ง 3 ก็เป็นที่อยู่อาศัยของธาตุธรรมทั้งปวง สุดแต่ฝ่ายไหนจะเข้ามามีอำนาจปกครอง เหตุการณ์ต่างๆ ก็จะผันแปรไปตามลักษณะธาตุธรรมที่มาปกครองนั้น
สัตว์โลก
หมายถึง ธาตุธรรมของเรา(เห็นจำคิดรู้) ที่เวียนมาเกิดในโลกมนุษย์นี้
สัตว์โลกถูกปกครองด้วยภาคปิฎก คือวิชชาที่มาบังคับใจสัตว์ ปิฎกภาคมารที่บังคับมนุษย์อยู่ คือ อภิชชา พยาบาท มิจฉาทิฐิ ผู้รู้พยายามแก้ให้ภาคพระปกครองด้วย ทาน ศีล ภาวนา
ขันธโลก
ตำราบางแห่ง เรียกว่า สังขารโลก
หมายถึง ร่างกายมนุษย์ของเรา เมื่อสัตว์โลกเวียนมาเกิดในโลกมนุษย์ ก็ต้องรวบรวมธาตุ ดิน น้ำ ไฟ ลม อากาศ อันเป็นธาตุธรรมตายของโลกใบนี้ มาสร้างเป็นเนื้อหนังมังสาส่วนต่างๆ ของร่างกายของเรา กลายมาเป็นขันธโลกซึ่งเป็นธาตุธรรมเป็น คือเนื้อตัวกายมนุษย์ของเรานั่นเอง
ขันธโลก ถูกปกครองด้วย ภาคทุกข์สมุทัย เราโดนปกครองมานานมาก จนเราต้องพิจารณาความเป็นไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) ว่าเป็นธรรมดาของสังขารของเรา ผู้รู้พยายามแก้ไขให้อำนาจปกครองกลับมาอยู่ข้าง นิจจัง สุขัง อัตตา โดยอาศัย นิโรจ กับมรรค เป็นแกนนำ
อากาศโลก
บางแห่งเรียกว่า โอกาสโลก
เป็นธาตุธรรมตาย(ดิน น้ำ ไฟ ลม อากาศ) ที่มนุษย์(สัตว์โลก+ขันธโลก) มาอาศัยอยู่ คิดง่ายๆ ก็คือโลกใบนี้นั่นเอง อากาศโลกเป็นภพภูมิสำคัญในการส่งวิชชาปกครองเข้ามาในสัตว์โลกและขันธโลก อากาศโลกสามารถแปรปรวนไปตามการปกครองของธาตุธรรมแต่ละฝ่าย รายละเอียดที่ลึกซึ้งกว่านี้ ขอให้ศึกษาเพิ่มเติมจากตำราที่เกี่ยวข้องนะครับ
คำอธิบายที่กล่าวมา ผมใช้การมาเกิดเป็นมนุษย์ เป็นบรรทัดฐาน หวังว่าผู้อ่านคงทำความเข้าใจเรื่องโลก 3 ได้ในระดับหนึ่ง