หลายปีมาแล้ว ผมเคยไปเที่ยวจังหวัดหนึ่งกับวิทยากร โดยต้องขึ้นเครื่องบินไป วัดแห่งหนึ่งที่นั่น มีศพที่ไม่เน่าเปื่อยของอดีตพระอาจารย์รูปหนึ่งตั้งไว้ให้เราเคารพสักการะ ลักษณะเป็นศพที่แห้งและไม่เน่าเปื่อย อยู่ในท่านั่งสมาธิ ในครอบแก้ว มองเห็นได้ชัด ความที่ผมเคยไปกราบศพหลวงพ่อวัดปากน้ำอยู่บ่อยๆ ทำให้เรานึกว่ากายศพที่เราเห็นในครั้งนี้ยังเป็นกายมนุษย์(หยาบ) ของพระอาจารย์รูปนั้น
ผมเก็บความเข้าใจนี้ไว้ จนมีโอกาสโทรศัพท์ไปสอบถามคุณลุง อาจารย์ในวิชชาธรรมกายของเรา ผมเริ่มถามคุณลุงว่าผมไปเห็นศพไม่เน่าเปื่อยมา หากผมอยากตรวจสอบ ผมก็เดินวิชชาไปตามฐาน 7 ฐาน(หรือ 3 ฐานลัดลงท้อง) ของศพแล้วเข้าไปใน 18 กายของศพ ใช่หรือไม่?
คุณลุงตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจความรู้ของผมนัก ถามผมกลับว่าหมอจะไปดูอะไร? หมออยากทำอะไร?
ถ้าหมออยากตรวจคนตายว่าไปไหน หมอต้องไปที่ตีนเขาพระสุเมรุ แล้วใช้ธรรมกายเราเรียกท่านมาสอบถาม เมื่อเห็นท่านก็ต้องตรวจสอบก่อนว่าเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม แล้วสอบถามท่านไป เช่นท่านมาบำเพ็ญบารมีแล้วทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ มีสารทุกข์สุกดิบอย่างไร เป็นต้น
ส่วนศพที่เราเห็น ก็ดูให้ดีว่ามีใครมายึดครองอยู่ อาจเป็นจักรพรรดิ์ หรือไม่ก็กายธรรม แต่มักเป็นจักรพรรดิ์มากกว่า ตรวจดูว่าเป็นภาคไหน เราจะทำอะไรต่อ ก็ว่ากันไปตามสมควร
ผมจึงได้ความรู้ว่า นี่ไม่เหมือนกรณีของหลวงพ่อวัดปากน้ำ ศพที่ไม่เน่าจะเป็นสถานที่(ภพ)อีกแห่งหนึ่ง ที่จักรพรรดิ์กายสิทธิ์แย่งกันเข้ามายึดครอง เจ้าของดั้งเดิมท่านไม่อยู่แล้ว ท่านไปอยู่ตามภูมิธรรมของท่าน
สมัยก่อนเราเชื่อว่าการที่ศพไม่เน่าเปื่อย กระดูกเป็นพระธาตุ เป็นตัวชี้วัดของพระอริยสงฆ์ จริงๆ แล้วหากเราตรวจสอบได้ชัดเจนจริง ก็ไม่ต้องอาศัยตัวชี้วัด แต่เราเป็นผู้ไม่รู้ เราจำเป็นต้องใช้ตัวชี้วัดอยู่ แต่ตัวชี้วัดก็เป็นแค่ตัวชี้วัด ทำเลียนแบบให้เราสับสนได้เสมอ เราจึงควรใส่ใจในเหตุผลสำคัญหลักๆ จะดีกว่า
เพราะใบปริญญา ใบรับรองแพทย์ บางครั้งก็ปลอมได้ !