Pages

Tuesday, October 12, 2010

กายฝัน

ผมเคยเขียนเรื่องกายมนุษย์หยาบมาแล้ว วันนี้ขอเขียนถึงกายฝันบ้าง กายฝันเป็นกายที่อยู่ลึกเข้าไปจากกายมนุษย์หยาบ 1 กาย ตามแกนกาย 18 กาย(แกนตั้ง) การเข้าไปเห็นหรือรับรู้เรื่องกายฝัน ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มนุษย์ทั่วไปก็ยังพอสัมผัสกับกายฝันได้ในเวลาเรานอนหลับ แล้วฝันไป กายฝันออกไปทำหน้าที่รับรู้เรื่องราวต่างๆ บางส่วนรับรู้มาถึงกายมนุษย์หยาบ ส่วนที่พอจำได้นั้นก็คือการฝันของกายมนุษย์หยาบนั่นเอง หากกายฝัน ฝันเข้าไปบ้างก็จะไปถึงกายทิพย์หยาบ คือกายข้างในของเราฝันเข้าไปเป็นชั้นๆ อย่างที่หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านว่าไว้ จึงเป็นที่มาของคำว่า ฝันในฝัน ซึ่งเราพอจะได้ยินกันมาบ้าง แต่ผู้ที่เดินวิชชา 18 กาย สามารถเห็นกายฝันในเวลาใดก็ได้

เมื่อเราจะคุยเรื่องกายฝัน อันเป็นเรื่องที่อยู่ลึก ไม่เห็นด้วยรู้ญาณธรรมดาของกายมนุษย์หยาบ จึงเป็นการรวบรวมความเห็น ความเข้าใจจากที่ต่างๆ รวมถึงเอารู้ญาณบางส่วนมาประกอบไว้ ผมจึงไม่อาจรับรองความถูกต้องในความรู้ตอนนี้ได้ ถือว่าเรามาพิจารณาร่วมกันนะครับ

เรามาเริ่มกันเลย

· กายฝัน มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า กายมนุษย์ละเอียด แต่ยังมีชื่อเรียกอื่นอีก คือ กายไปเกิดมาเกิด กายสัมภเวสี ผี วิญญาณ สุดแต่สถานการณ์

คำบรรยายเพื่อท่องสอบวิปัสสนาจารย์กล่าวไว้ว่า ..กายฝัน หรือกายมนุษย์ละเอียด รูปร่างหน้าตาเหมือนเรา ขาวใส จึงเป็นกายที่ล้อกับกายมนุษย์หยาบ เพียงแต่ขาวใสกว่า

· เวลาเป็นกายมาเกิด มีบรรยายไว้ในหนังสือมรรคผลพิสดาร 2 ของหลวงพ่อวัดปากน้ำว่า เป็นกายสูง 8 ศอก เข้ามาอยู่ในศูนย์(กลางกาย)ของบิดาก่อน มาอยู่นานเท่าใด ไม่มีกำหนดเวลาแน่ชัด บังคับให้บิดาไปประกอบธาตุธรรม(ร่วมประเวณี)กับมารดา ตอนนี้เกิดการประสมธาตุธรรมของบิดามารดาและบุตร กายฝันออกจากศูนย์ของบิดาเข้าสู่ศูนย์ของมารดา แล้วเริ่มสร้างกายมนุษย์หยาบในมดลูกของมารดา แล้วเจริญวัยขึ้น

เราพบว่า เพศของคนเราที่เวียนว่ายตายเกิดทั้งหลาย ถูกพลิกเปลี่ยนไปมาระหว่างชายกับหญิงได้ เราไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเปลี่ยนเราตอนไหน ครูอาจารย์เราเคยบอกว่ากองทัพที่มาช่วยหลวงพ่อวัดปากน้ำ ส่วนใหญ่ถูกมารพลิกธาตุธรรมจากเพศชายในสวรรค์ชั้น 4 ให้มาเกิดเป็นผู้หญิง หลายๆ ท่านมีครอบครัว มีสามี มีบุตร มาก่อนที่จะเจอหลวงพ่อ

เป็นเรื่องน่าคิดว่า กายหยาบของเรา มันยังพลิกเพศได้ นับประสาอะไรกับใจของเรา บางท่านกายเป็นชาย แต่ใจเป็นหญิง หรือบางท่านกายเป็นหญิง แต่ใจเป็นชาย จึงดูว่าเขาก็คงพลิกได้ไม่ยาก จากความรู้ในวิชชา 18 กาย การแบ่งเพศมีอยู่ในกายมนุษย์และกายทิพย์เท่านั้น จากนั้นพอถึงกาย(รูป)พรหม ไม่บ่งบอกความเป็นหญิงเป็นชายแล้ว ผมมีความเห็นส่วนตัวว่าความรู้สึกในส่วนนี้ไม่น่ามีความสำคัญอะไร ถ้าเรามาสร้างบารมีได้ถูกทาง

· เวลาเป็นกายไปเกิด คือกายมนุษย์หยาบกำลังจะตาย กายฝันลอยขึ้นๆ ลงๆ อยู่ตรงฐานที่ 7 กับฐานที่ 6 หลังจากนั้นก็หลุดมาสู่ฐานที่ 5 ฐานที่ 4 ฐานที่ 3 พอถึงฐานที่ 3 ตาของกายมนุษย์หยาบเหลือกกลับเหมือนเป็นการสั่งลา แล้วออกไปฐานที่ 2 และฐานที่ 1 แล้วก็หลุดไปหาที่เกิดใหม่

ถึงตอนนี้เราได้ยินความรู้เสมอว่า คนไปดี(สวรรค์)เท่าเขาโค ไปไม่ดี(นรก)เท่าขนโค สุดแต่เราจะระลึกถึงคุณความดีหรือความไม่ดีที่เราทำไว้ ได้แค่ไหน เห็นได้ชัดว่าคนส่วนใหญ่นึกได้แต่สิ่งไม่ดี ทั้งๆ ที่หลายท่านทำคุณงามความดีไว้ไม่น้อย ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น เป็นเพราะบาปกรรมมีกำลังแรงกว่าหรือ หรือเวลาใกล้ตายมีทุกขเวทนาแรงกล้าเหลือเกิน ใจพลอยกระสับกระส่ายไปด้วย การใส่สายสวนต่างๆ ท่อช่วยหายใจ เข็มแทงน้ำเกลือ มีส่วนเพิ่มทุกขเวทนาแก่กายมนุษย์หยาบของเราก่อนเราจะตายหรือไม่ เพราะถึงตอนนั้นเราก็สื่อสารกับใครๆ ไม่ได้มานานแล้ว ว่าเราเจ็บขนาดไหน

คุณลุงถึงกับบ่นกายฝันว่า เธอเวียนตายเวียนเกิดมานับภพนับชาติไม่ถ้วน ทำไมถึงไปดีไม่เป็นซักที พอกายมนุษย์หยาบตาย กายฝันหมดฤทธิ์แล้วหรืออย่างไร?

เวลานอนหลับฝัน รู้ญาณที่เกิดจากกายฝันถือว่าเชื่อไม่ได้ แม้ระดับครูอาจารย์ก็ยังบ่นว่าเมื่อกายมนุษย์หลับ บางทีกายฝันยังฝันไปอย่างสับสนไม่เป็นเรื่องเป็นราว แสดงว่ากายละเอียดทั้งปวงหวังพึ่งกายมนุษย์หยาบทั้งนั้น

· กายฝันของผู้มีบารมี

o เด็กเล็กๆ ยังดูดนมเจี๊ยบๆ เวลาพ่อแม่อุ้มมาพบคุณลุง คุณลุงบอกว่าลุงคุยกับกายฝันของเด็ก เขาไม่ได้ตัวเล็กอย่างที่เราเห็น เขาบอกลุงว่าที่เขามาเกิดเพราะเขาต้องการจะมาเจอลุง

o กายฝันของพ่อแม่ที่แก่แล้วของวิทยากรบางคน ก็เคยออกมาปรากฏแก่ผู้มีรู้ญาณบางท่าน สวยงามหนุ่มสาวกว่ากายมนุษย์หยาบที่เราเห็น และแสดงรัศมีให้ดู พร้อมกับบอกว่าเขามาเป็นพ่อเป็นแม่ให้วิทยากรเชียวนะ

ผมขออธิบายตามความเห็นของผมว่า กายฝันก็มีกำเนิดต้นกลางปลายเช่นกัน กายมนุษย์ยังเป็นเด็กเล็ก แต่เวลามาคุยกับเราเขาใช้กายฝันที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วมาคุย หรือกายมนุษย์ที่แก่มากแล้วเริ่มไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรนัก แต่เอากายฝันที่สวยงามมาคุยกับเราได้ แสดงว่ากายฝันของผู้มีบารมีย่อมไม่ธรรมดา

· กายฝันของสัตว์เดียรัจฉาน

ผมสงสัยมาตลอดว่าเวลาหมาแมวมันฝัน มันจะฝันว่าตัวมันเป็นอะไร? ในใจลึกๆ อยากตอบแบบสามัญสำนึกว่า มันก็ควรจะฝันว่าตัวมันเป็นหมาเป็นแมวนั่นแหละ มันจะนึกคิดได้ขนาดไหนกัน

เราเคยได้ยินความรู้ว่า ภายนอกเป็นสัตว์เดียรัจฉาน แต่กายในก็เป็นกายมนุษย์(ละเอียด)นั่นแหละเพียงแต่เศร้าหมอง ไม่สว่างเท่าที่ควร เมื่อเราได้ยินความรู้นี้ เราเข้าไปดูกายฝันของสัตว์ เราก็จะพบกายมนุษย์ของเขาได้จริงๆ

แต่ในบางโอกาส หลายๆ ท่านที่เห็นกายฝันของสัตว์ ก็ยังเห็นเป็นสัตว์เหมือนกายหยาบของมันนั่นเอง รวมถึงประสบการณ์ของผู้ที่เคยเลี้ยงสัตว์จนผูกพัน เวลาสัตว์นั้นตายลง ยังกลับมาหาเจ้าของเป็นร่างสัตว์แบบเดิมได้ด้วย

หากความรู้เหล่านี้เป็นจริงทั้งหมด มันก็เป็น jigsaws ที่ทำให้เรารู้ว่ากายฝันระดับนี้ คงมีอะไรซ้อนๆ อยู่ด้วยกัน มีต้นกลางปลาย อ่อนแก่ หยาบละเอียด ไปทางใดทางหนึ่ง เขาจึงมีกายหมาละเอียด กายแมวละเอียด กับกายมนุษย์ละเอียดด้วย !?

จะเห็นได้ว่าวิชชา 18 กายแบบที่เราเรียนรู้กัน ยังมีความละเอียดลึกซึ้งอีกมากมายมหาศาลยิ่งนัก แต่เดิม วิชชาธรรมกายค้นคว้าได้ 1 ดวงธรรม 5 กาย มาเป็น 3 ดวงธรรม 5 กาย มาเป็น 6 ดวงธรรม 5 กาย แล้วมาเป็น 6 ดวงธรรม 18 กาย หากเราคิดต่อ มันอาจมีอีกก็ได้ แต่การค้นคว้ายังค่อยๆ เป็นไป และหลวงพ่อวัดปากน้ำก็ไม่อยู่เสียแล้ว คนยุคหลังพูดไป ก็ต้องระวังความเพี้ยน ความเฝือไว้ให้มาก

ตอนนี้เราเริ่มพูดกันว่า ดวงธรรมไม่ได้มีแค่ 6 ดวง เพราะถ้ามีน้อย รู้ญาณไม่กว้างไกล มันยังมีอีกมาก ขอเพียงแต่เราอย่าหยุดที่จะเรียนรู้อย่างระมัดระวัง เท่านั้น

แม้ว่าวันนี้ เราจะคุยกันเรื่องกายฝัน ซึ่งยังมีเนื้อหาอีกมาก แต่ท่านก็อย่ามาติดกับความรู้ในระดับนี้ เพียงแค่นี้ ท่านต้องเดินวิชชาต่อไปให้ครบ 18 กาย ตามแบบฉบับที่วิทยากรทุกท่านต้องกระทำเป็นประจำ วันนี้เนื้อหายาวไปหน่อย คงไม่ทำให้น่าเบื่อเกินไปนะครับ

Friday, October 8, 2010

รู้ญาณต้องมีการตรวจสอบ

เนื้อหาในวันนี้อาจคล้ายกับเรื่องที่ผ่านมา เช่น รู้ญาณกับเหตุผล กาลามสูตร พรสวรรค์กับพรแสวง ฯลฯ แต่วันนี้เน้นเรื่องการเชื่อในรู้ในญาณเป็นหลัก

รู้ญาณ คือความรู้ที่เกิดจากประสาทสัมผัสที่ไม่ใช่ของกายมนุษย์โดยตรง อาจเป็นความรู้จากกายในกายข้างใน เช่นกายฝัน กายทิพย์ จนกระทั่งถึงกายธรรม รู้ญาณอาจชัดเจนมากเหมือนเห็นหรือสัมผัสได้ด้วยกายมนุษย์เอง หรืออาจเป็นเพียงความรับรู้ ความรู้สึก โดยยังไม่เห็นเป็นรูปเป็นร่างนัก ที่เรียกว่าสังหรณ์ ก็ได้

รู้ญาณควรมีเหตุผล หรือปัญญากำกับเสมอ รู้ญาณกับเหตุผลจึงเป็นของควรคู่กัน ถ้าเปรียบเป็นอาหาร รู้ญาณก็คือรสชาติของอาหาร เหตุผลคือคุณค่าทางโภชนาการของอาหารนั้น จะเอาเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ หากเอาแต่รสชาติไม่เอาคุณค่า ก็อาจได้แต่อาหารขยะ ทำลายสุขภาพเรา หากเอาแต่คุณค่าทางโภชนาการ ไม่เอารสชาติ เราก็ทานไม่ลง

เราเชื่อรู้ญาณเพราะอะไร ?

  • เพราะ ไม่เคยรู้มาก่อนว่าต้องมีการตรวจสอบ

หากเราอ่านเรื่องกาลามสูตร เราจะรู้ว่าข้อมูลทั้งปวงต้องตรวจสอบทั้งนั้น หลักกาลามสูตรตรวจสอบข้อมูลที่กายมนุษย์ได้รับรู้มา แต่รู้ญาณได้มาจากสัมผัสละเอียดที่อยู่ลึกเข้าไป โดยหลักเหตุผล ยิ่งต้องมีการตรวจสอบมากกว่าข้อมูลของกายมนุษย์ด้วยซ้ำ

นับเป็นโชคดีของเรา ที่ครูบาอาจารย์ท่านเน้นเรื่องการตรวจสอบรู้ญาณอยู่เสมอ ไม่ให้เชื่ออะไรง่ายๆ เราจึงมีความรู้นี้เป็นพื้นฐานอยู่ วิธีการตรวจสอบทำอย่างไร เป็นความรู้ลึกและยาว ขอให้หาอ่านในหนังสือปราบมารภาค 1 ของคุณลุงนะครับ

  • เพราะ รู้ญาณที่เราสัมผัสได้ ชัดเจนมาก

หากไม่เคยรู้มาก่อนว่ารู้ญาณทั้งปวงต้องตรวจสอบ เราก็คงอาศัยความชัดเจนเป็นหลัก โดยเข้าใจว่ายิ่งชัด ก็น่าจะยิ่งถูกต้อง

แต่ความเป็นจริง แม้การเห็นกับตาของกายมนุษย์ การได้ยินมากับหูของกายมนุษย์ ยังตีความผิดพลาดมานักต่อนัก ทำเอาคนทะเลาะกันมานักต่อนัก นับประสาอะไรกับความรู้ที่ว่าชัดๆ จากภายในที่เราฝันเข้าไปไม่รู้กี่ชั้น แล้วจะไม่หลอกเรา

เราเคยจับผิดนักมายากลเก่งๆ ได้หรือไม่? เห็นชัดกับตา ยังจับผิดเขาไม่ได้ พอเขาเฉลยจึงรู้ว่าเป็นเพียงการลวงตาเราเท่านั้น

  • เพราะ มันเคยถูกต้องมาก่อน (แทบ)ทุกครั้ง

มีความรู้อยู่ว่า หากเป็นเรื่องไม่สำคัญ รู้ญาณนั้นเขาไม่ขวาง เรารู้ว่าภาคมารมักลวงให้เราหลงผิดได้เสมอ รู้ญาณเล็กๆ น้อยๆ หลายๆ อย่าง เราถูกมาตลอด เพราะเขาไม่จำเป็นต้องขวางเรา ดีเสียอีก เราจะได้เข้าใจผิดว่าเราเป็นผู้วิเศษแท้ ทำนายทายทักแม่นยำ เช่นบางทีจะไปไหน เกิดรู้ว่าของจะหาย แล้วของนั้นก็หายจริงๆ ผู้ทายก็กระหยิ่มใจว่าเรารู้ล่วงหน้าก่อนใคร สิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ ถูกมาเป็น 99 ครั้ง พอเราจะตัดสินใจอะไรครั้งที่ 100 มันจะไม่ถูกหรือ??

บังเอิญ การตัดสินใจนั้นเป็นครั้งสำคัญในชีวิต เช่นเราควรจะนับถือหมู่คณะไหนดี เราควรเชื่อในความเชื่อไหนดี คราวนี้มันไม่ถูกง่ายๆ หรอก แต่มันเป็นรู้ญาณครั้งที่ 100 ซึ่งเราถูกมาตลอด 99 ครั้งเชียวนะ ตอนนี้ท่านจะเอาเหตุผลหรือจะเอารู้ญาณมาตัดสิน

  • เพราะ ความเผลอเรอ

บางครั้ง เรื่องราวมันเล็กๆ น้อยๆ จนเราไม่คิดว่าจะต้องตรวจสอบ ก็เน้นกันแต่เรื่องสำคัญๆ

หรือ บางครั้งเราไม่ทันตั้งตัว ประสบการณ์ของครูอาจารย์ เช่นกำลังเดินวิชชา จู่ๆ ก็เห็นเป็นพ่อแม่บุตรภรรยา หรือหลวงพ่อวัดปากน้ำปรากฏขึ้นให้เราชะงัก อันนี้อาจไม่ได้ทำให้เราเชื่อ แต่ทำให้วิชชาเราช้าลง

เราอยู่ในชีวิตประจำวันของเรา เราคงเผลอไปบ้างไม่มากก็น้อย รับรู้อะไรมาก็อาจคล้อยตามไปบ้างเหมือนกัน แต่เมื่อตั้งสติได้ ก็ขอให้เอาความรู้นี้เป็นหลักเกณฑ์ไว้ก่อนนะครับ