Pages

Wednesday, September 8, 2010

พรสวรรค์ กับ พรแสวง

วันนี้เรามาพิจารณาเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง พรสวรรค์กับพรแสวง เป็นคุณสมบัติประจำตัวของมนุษย์ ซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล เหมือนกับคุณสมบัติของตะกั่วกับทองคำ หากดูว่าเป็นเพียงของแข็ง มันก็ไม่ต่างกัน แต่ถ้าดูคุณสมบัติแยกแยะอย่างอื่น มันต่างกันมาก บางคุณสมบัติเราอาจไม่ได้นำมาใช้สอยเพราะเหตุผลบางอย่างเช่น ทองคำเป็นตัวนำไฟฟ้าที่ดีที่สุด แต่เราไม่เอามาทำสายไฟ เพราะแพงไป เอามาทำเครื่องประดับดีกว่า

สิ่งสำคัญที่สุดคือ คุณสมบัติเหล่านี้ ยังไม่ได้ตัดสิน ดีเลว ถูกผิด ใช่ไม่ใช่ มันขึ้นอยู่กับการนำมาใช้ต่างหาก

พรสวรรค์ คือคุณสมบัติที่ติดตัวมาแต่กำเนิด

พรแสวง (ศัพท์คงไม่เป็นทางการนัก แต่จะใช้ในบทความนี้) คือสิ่งที่เราฝึกฝนสร้างขึ้นมาใหม่

เราจะดูพรสวรรค์ของมนุษย์อย่างไร? เราก็ต้องแยกแยะกาย(จิต)วิภาคออกไป มนุษย์มีขันธ์ ที่ติดต่อกับโลกภายนอกด้วยอายตนะ ตีความสิ่งที่รับเข้ามาจากอายตนะด้วยธาตุและอินทรีย์และลึกๆ เข้าไป

ความสามารถทางอายตนะนั่นแหละ เป็นพรสวรรค์ของมนุษย์ อายตนะมี ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แต่ละอย่างมีหน้าที่ต่างกัน หน้าที่ที่เด่นขึ้นมาเป็นพิเศษของอายตนะใดใด ถือเป็นพรสวรรค์ของอายตนะนั้นๆ

ตา

ผู้ที่เกิดมามีประสาทสัมผัสทางตาดี ก็มีพรสวรรค์ทางการใช้สายตา แยกแยะสีสรร สิ่งของต่างๆ ได้รวดเร็ว ตรวจดูความผิดเพี้ยนของสี ตรวจทานคำผิด ได้แม่นยำกว่าคนทั่วไป

เราฝึกพรแสวงทางตาได้ภายหลังจากการฝึกฝนสายตาของเราอยู่บ่อยๆ ผมเคยเห็นเพื่อนแพทย์ที่อยู่แผนก X-ray สามารถบรรยายสิ่งที่เห็นเป็นเงาในฟิล์ม X-ray ได้อย่างละเอียดละออ ทั้งที่แต่ก่อนเขาก็ยังไม่เก่งอย่างนี้ มันอาศัยการฝึกฝนในตอนเรียนแพทย์เฉพาะทางนั่นเอง

หู จมูก ลิ้น กาย

ผมคงไม่ต้องบรรยายไปทีละอันแล้ว อธิบายเหมือนเรื่อง ตา นั่นแหละ

สิ่งที่ผมอยากเน้นก็คือ ความสามารถเหล่านี้ จะดีจะเลว จะถูกจะผิด อยู่ที่การนำไปใช้ หากเราตาดี เราจะเอาไปเป็นโจรทิ้งระเบิดได้แม่นยำ หรือจะเป็นหมอเอ็กซเรย์วินิจฉัยโรคให้คนไข้ ก็สุดแต่เรา

ใจ

ใจเป็นอายตนะที่สำคัญที่สุด เพราะมีหน้าที่สำคัญถึง 4 อย่างคือ เห็น จำ คิด รู้ หากหน้าที่ของใจ มีพรสวรรค์ ได้พรแสวง ขึ้นมาเสียแล้ว ย่อมมีพลังที่จะนำมาใช้สอยได้อีกมหาศาล

ผู้ที่(อาจ)โชคดี เกิดมามีพรสวรรค์ทางใจติดตัว สัมผัสทางใจเป็นขึ้นมาแต่กำเนิด อาจ เห็นอะไรได้ด้วยใจ จำอะไรได้ดีกว่าใคร คิดเป็นเหตุเป็นผลจนเป็นอัจฉริยะ หยั่งรู้ในสิ่งที่มนุษย์ทั่วไปยังรู้ไม่ถึง กลายเป็นบุคคลพิเศษ เป็นหมอดูตาทิพย์ บางทีญาติพี่น้องเข้าใจว่าลูกหลานตนเป็นโพธิสัตว์มาเกิด ยกย่องจนเจ้าตัวนึกว่าตัวเองเป็นโพธิสัตว์มาจริงๆ ทั้งที่มันเป็นเพียงพรสวรรค์ของประสาทสัมผัสทางใจเท่านั้น

เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ความสามารถเหล่านี้ ต้องมีปัญญากำกับควบคุม เราจะเอามันไปใช้อย่างไร ไม่ให้หลงทาง ไม่ให้หลงตัว ใช้มันให้สมกับที่เกิดมาเป็นมนุษย์ที่มีพรสวรรค์ติดตัว และมาศึกษาเรื่องราวของชีวิตต่อในชาตินี้

การฝึกฝนทางจิตใจเพื่อให้เกิดความสามารถเหล่านี้ ก็คือการออกกำลังทางใจด้วยการทำสมาธิ เกิดเป็นพรแสวงทางใจขึ้น นั่นเอง

เมื่อจิตเป็นขึ้นแล้ว ท่านจะเอาจิตที่มีกำลังนั้นไปทำอะไรต่อ ไปเป็นหมอดู ไปสร้างระเบิดนิวเคลียร์ หรือไปเรียนรู้โลกให้แจ่มแจ้งและหาทางหลุดพ้น

จำไว้ ถูกผิด ดีชั่ว ใช่ไม่ใช่ มันอยู่ที่การนำไปใช้ !