คงไม่ต้องบอกว่าตอนนี้พวกเราส่วนใหญ่ใช้กายมนุษย์อ่านบทความนี้อยู่ ผมกำลังจะคุยเรื่องกายมนุษย์(หยาบ)ของเรา โดยยกประเด็นทางวิชชาธรรมกายในแง่มุมต่างๆ นะครับ
กายมนุษย์ เป็นผลของทุกข์ (สมุทัย) ส่วนหยาบ
หากเรามองในแง่มุมของไตรลักษณ์ กายมนุษย์ตกอยู่ในไตรลักษณ์เต็มที่ คือ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา สายที่เชื่อในเรื่องไตรลักษณ์เต็มๆ มักพิจารณากายมนุษย์เป็นของเน่าเปื่อย เป็นรังแห่งโรคภัยไข้เจ็บ แม้จะพยายามแสวงหาสิ่งที่ดีกว่า ก็ยังไม่มี และทางสายนี้ไม่ค่อยได้ยินใครกล่าวถึง ทางปฏิบัติไปสู่ความเป็นทิพย์ พรหม อรูปพรหม แต่เข้าใจจากความรู้ว่าแม้ทิพย์ พรหม อรูปพรหม ก็ยังตกอยู่ในไตรลักษณ์ สุขที่แท้ต้องไปนิพพาน แต่ยังเถียงกันว่าเป็นอัตตาหรืออนัตตา จึงเหมารวมๆ ว่าเป็นความว่างปราศจากทุกสิ่ง เอาความว่างนี้ว่าเป็นความสุขอย่างยิ่ง สรุปคือสอนให้ละวางจากกายมนุษย์อันเป็นไตรลักษณ์ ไปสู่ความว่างทั้งปวงอันน่าจะเป็นนิพพาน แต่การละกายมนุษย์ยังต้องค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่ไปฆ่าตัวตาย เพราะไม่สมเหตุสมผล และยังเป็นบาปอยู่
ในคู่มือมรรคผลพิสดารของหลวงพ่อวัดปากน้ำ บทที่กล่าวถึงอริยสัจจ์ 4 กล่าวถึงกายมนุษย์ว่าเป็นตัวทุกข์ส่วนหยาบทั้งก้อน ส่วนกายทิพย์เป็นทุกข์ส่วนละเอียด หรือเป็นสมุทัย(เหตุ)ของกายมนุษย์ แล้วไล่เป็นลำดับขึ้นไปจนถึงกายธรรมซึ่งเป็นนิโรธกับมรรค การแก้ไขก็ต้องเพ่งเผากาย(กิเลส)ทั้งหลาย ไล่จากกายธรรม ลงมาที่กายอรูปพรหม กายพรหม กายทิพย์ และสุดท้ายกายมนุษย์ ถึงตอนนี้เรายังไม่เห็นประโยชน์ใดใดของกายมนุษย์เลย
กายมนุษย์กับบทบาทในการทำวิชชา
คู่มือมรรคผลพิสดาร 1 บทที่ 35 กล่าวถึงการเดินวิชชาที่จะระเบิดไม่แตก เป็นบทแรกๆ ของการหัดทำกายมนุษย์พิเศษ
เนื้อหาทั้งปวงเป็นการทำกายมนุษย์(พิเศษ) จากกายมนุษย์สุดหยาบสุดละเอียด (แกนนอน – จะกล่าวถึงในบทความตอนต่อๆ ไป) แล้วใช้กายที่ทำขึ้นไปทำงานต่อ นั่นคือกายมนุษย์จึงเป็นกายที่ระเบิดไม่แตก ความรู้นี้เริ่มมีมาตั้งแต่ยุคแรกๆ แล้ว แต่อาจไม่ได้กล่าวตรงๆ เท่าใดนัก
ธาตุธรรมทั้งปวงต่างแย่งกันปกครอง(กาย)มนุษย์
เพราะกายมนุษย์(คง)ให้ประโยชน์ในเรื่องบารมีทั้งหยาบทั้งละเอียด หากมนุษย์เชื่อถือศรัทธา ก็จะประพฤติตามธรรม และกระทำพิธีกรรมทั้งปวงตามความเชื่อนั้นๆ เกิดบารมีขึ้นทั้งหยาบทั้งละเอียดจากธรรมเหล่านั้น ธาตุธรรมส่วนละเอียดจะได้ประโยชน์ตรงนี้ ดูว่าบารมีทั้งปวงต้องมาทำด้วยกายมนุษย์กายนี้
ประชากรมนุษย์ในโลกใบนี้ มีน้อยมากเมื่อเทียบกับในส่วนของธาตุธรรม
เราคิดกันเล่นๆ ขณะนี้โลกเรามีประชากรประมาณ 6 พันล้านคน แต่จำนวนพระพุทธเจ้า(ยังไม่นับสาวก) ที่เข้านิพพานไปแล้วมีมากกว่าเมล็ดทรายในท้องพระมหาสมุทรทั้งสี่ หรือนับอสงไขยพระองค์ไม่ถ้วน และการสร้างบารมีเป็นพระพุทธเจ้าต้องมาสร้างในโลกมนุษย์
แค่ 1 อสงไขยก็เป็นตัวเลข 1 คูณกับ 10 ยกกำลัง 140 เข้าไปแล้ว พระพุทธเจ้าตรัสรู้ไปแล้วเท่าไหร่ ยังเหลือรออยู่อีกเท่าไหร่ เพราะมาเกิดเป็นมนุษย์ได้เพียงนิดเดียว น่าคิด