Pages

Tuesday, June 19, 2012

อภัยทาน 2


หลายท่านเกิดความคิดเรื่องทานต่อยอดมาจากบทความที่แล้ว คราวนี้จะสรุปรวมเพื่อช่วยในการวิเคราะห์ให้ต่อยอดออกไปอีก

ทาน มีองค์ประกอบ 3 คือ ผู้ให้ ผู้รับ และวัตถุทาน

อามิสทาน เป็นทานที่มีองค์ประกอบชัดเจน จับต้องได้

ธรรมทาน และวิทยาทาน เป็นทานที่มีองค์ประกอบค่อนข้างชัด แต่วัตถุทานคือความรู้ อาจจับต้องไม่ได้ แต่รับรู้ได้ไม่ยาก พระพุทธองค์ยกย่องธรรมทานว่าเป็นเลิศกว่าการให้ทั้งปวง

ส่วนอภัยทาน เป็นทานที่มีองค์ประกอบซึ่งจับต้องได้ยาก ไม่ว่าจะเป็นส่วนของผู้ให้ ผู้รับ และที่สำคัญที่สุดคือวัตถุทานที่จับต้องได้ยากมาก เพราะเป็นเพียงนามธรรม แม้เหตุการณ์ล่วงเกินกันไม่ว่าด้วยกายวาจาใจได้จบลงไปแล้ว แต่บาดแผลทางใจยังไม่สิ้นสุด บาดแผลอันเป็นนามธรรมนี้เองที่เป็นวัตถุทานของภาคอภัยทาน

ดูแผนภูมิข้างบนประกอบนะครับ

กำหนดให้ A ถูก B ล่วงเกินด้วยกายวาจาใจเกิดเป็นบาดแผลทางใจคือ X และ A เป็นผู้ให้ ที่จะให้อภัยต่อ B

X คือวัตถุทานที่เป็นนามธรรม เป็นรอยแผลฝากไว้ในฝั่งของ A ผมแยกออกเป็น การล่วงเกินที่เกิดขึ้นจริง (T) กับอารมณ์ขุ่นมัวที่ A ปรุงแต่งเสริมขึ้นมา (F) นั่นคือ X=T+F เป็นสมการทางคณิตศาสตร์ ซะเลย

จากแผนภูมิอันนี้ เราสามารถอธิบายเรื่องราวต่อยอดได้อีกมากมาย เช่น

(1) ถ้าเป็นเหตุการณ์ตรงไปตรงมา B ขอโทษ A A ยกโทษ X ให้ B โทษ X เป็นอันหมดไปจากความสัมพันธ์ของทั้งสอง แต่โทษ X หนักเบาแค่ไหน ถ้าหนักมากเหมือนเป็นคดีอาญาในทางโลก B ยังต้องสะสางกับกฎเกณฑ์ของธาตุธรรมต่อไป

(2) ถ้าเอามือปิดตรงตัว T คือ B ไม่ได้ล่วงเกิน แต่ A คิดไปเอง คือมีอารมณ์ขุ่นมัว (F) ไปเอง ถ้าเออเองคือคิดยกโทษ ก็เป็นการสละอารมณ์ขุ่นมัวนั้นออกไป คืออโหสิกรรมให้ B (ทั้งๆ ที่ B ก็ไม่ได้ล่วงเกินจริงๆ แต่ถูกกล่าวหา) ก็ถือว่าจบ

กรณีนี้ หาก A ไม่ยอมเออเอง ยังถือโทษขุ่นมัวต่อเนื่อง ในระดับชาวบ้านย่อมเป็นการผูกเวรข้ามชาติโดยที่ B ก็ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไร นี่คือความซวยอย่างหนึ่งของการเวียนว่ายตายเกิด แล้วมาเจอคนอย่าง A เข้า

(3) หากเหตุการณ์ครบองค์ มีทั้ง T และ F แต่ B ดื้อรั้น ไม่ยอมรับว่าตนล่วงเกิน A A ไม่อยากก่อเวร ก็นึกอโหสิกรรมยก F คือความขุ่นมัวออกไปจากใจ แม้ T จะยังอยู่ ไม่ครบองค์แห่งอภัยทาน แต่ A ก็ไม่ต้องขุ่นมัวกับอารมณ์ในเหตุการณ์นี้อีก ส่วน B จะไปรับโทษจาก T หรือไม่ A ก็วางใจปล่อยวางเสีย

(4) ถ้าเอามือปิดตรง F (กลายเป็น X=T) คือมีเหตุการณ์ล่วงเกิน (T) แต่ A ไม่ถือสา ไม่มีอารมณ์ขุ่นมัวเลย มีลักษณะเหมือนพ่อแม่ที่ให้อภัยต่อลูกได้เสมอ B อาจมาขอขมาลาโทษในยามพิเศษบางอย่าง เช่นขอบวช A ย่อมยกโทษทั้งปวงให้ อภัยทานก็สมบูรณ์

การล่วงเกินด้วยกายวาจาใจ ก็เป็นสิ่งที่ตัดสินยาก เพราะเป็นปฏิสัมพันธ์ของสัตว์โลกที่มีต่อกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขันธ์อายตนะธาตุอินทรีย์ของแต่ละคน การกระทำอันหนึ่งอาจไม่ล่วงเกินคนทั่วไป แต่อาจล่วงเกินคนบางคน เช่นเราขับรถตัดหน้าเขาในระยะ 50 เมตร บางท่านก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่บางท่านก็หาว่าเป็นการขับรถตัดหน้า และผูกโกรธเราก็ได้ เรื่องอภัยทานจึงเป็นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างแท้จริง

ยังมีได้อีกหลายกรณีจากแผนภูมินี้ ผมไม่ขอกล่าวต่อ ให้ผู้อ่านคิดต่อยอดเอาเอง

แต่ที่อยากจะกล่าวต่อไปคือ ท่านจะเห็นภัยในวัฏฏะสงสาร ทำอย่างไรจึงจะพ้นจากบ่วงเวรเหล่านี้ได้

สิ่งที่ผมกล่าวมา คือเหตุการณ์ที่เกิดแก่ A กับ B ซึ่งเป็นบุคคลระดับชาวบ้าน มีบุญบารมีพอๆ กัน จึงเวียนว่ายตายเกิด และมาเจอะเจอกัน หากเราจะหนีให้พ้นวัฏฐจักรเหล่านี้ มีทางเดียวคือ ต้องหนีให้พ้นจากวัฏฏะสงสาร บำเพ็ญบารมีของเราให้แก่กล้า ยกระดับธาตุธรรมของเราให้สูงขึ้นเรื่อยๆ จนเหตุการณ์ระดับชาวบ้านไม่อาจตามเราทัน

การสร้างบารมีสอนธรรม ทำให้ธาตุธรรมของเราเป็นถึงระดับอนุพุทธเจ้า ย่อมอยู่ในสถานะที่ก้าวล่วงได้ยาก เหมือนชาวบ้านธรรมดาไม่อาจกล่าวตู่ขุนนางผู้ใหญ่ได้ง่ายๆ

ดังนั้น จงสร้างบารมีให้มากเข้าไว้ โดยเฉพาะการสร้างบารมีสอนธรรม คือคำตอบของทุกสิ่ง