Pages

Thursday, June 21, 2012

สอนตัวเองให้ได้ก่อนเถอะ


เนื้อหาในบล็อก มีมากพอสมควรแล้ว ผมจึงคิดจะเขียนเรื่องนี้

สมัยที่ผมยังเล่นกีฬาแบดมินตันอยู่ เราออกไปเล่นวันเว้นวัน ชนิดที่ว่าติดกีฬา ทำเช่นนี้มาเป็นปีๆ ไม่เก่งก็ต้องเก่ง มีอยู่คราวหนึ่ง ผมซึ่งเป็นหมอหูคอจมูก ออกไปเล่นแบดมินตันทั้งๆ ที่ตัวเองป่วยเป็นหวัด ผมแปลกใจที่เพื่อนที่เล่นด้วยกันท่านหนึ่งเกิดความสงสัยว่าผมจะป่วยได้อย่างไรในเมื่อผมเป็นหมอ คือเขาเข้าใจว่า หมอที่รักษาทางหูคอจมูก ไม่น่าจะป่วยด้วยโรคหวัดซึ่งเป็นโรคทางหูคอจมูกที่ตัวเองชำนาญ แรกๆ ผมรู้สึกแปลกใจต่อความเข้าใจอันนี้ของเขา เพราะเราก็เป็นมนุษย์ที่มีสิทธิ์จะป่วยได้ แถมในขณะป่วย เราก็ยังรักษาคนไข้ที่เป็นหวัดเหมือนเราไปด้วยในตัว หายป่วยก่อนเราก็มี

เมื่อเรามาสอนธรรมะภาคปฏิบัติ ซึ่งเป็นภาคขัดเกลากิเลส วิทยากรในยุคแรกเคยได้ยินคำพูดจากเจ้าสำนักธรรมกายสำนักหนึ่ง หลังจากที่เราไปบอกท่านว่ามีครูสอนให้เราไปออกสอนธรรมะตามโรงเรียน ท่านตอบกลับมาว่า เธอมีดีอะไร ถึงคิดจะไปสอนเขา สอนตัวเองให้ได้ก่อนเถอะคล้ายกับว่า ถ้าเธอยังไม่หมดกิเลส เธอก็อย่าคิดอ่านไปสอนใครให้หมดกิเลสเลย สอนตัวเองไปก่อน หรือจะบอกว่า หมอที่ยังป่วยได้อยู่ อย่าบังอาจไปรักษาคนไข้ รักษาตัวเองให้ไม่รู้จักเจ็บป่วยเสียก่อนเถอะ

ท่านผู้อ่านจะคิดอย่างไรก็แล้วแต่ ผมขอบอกไว้ ณ ที่นี้ว่า เราไม่เคยสร้างภาพว่าเราเป็นผู้หมดกิเลส ตรงกันข้ามเราเป็นฆราวาสที่ยังมีกิเลสอยู่ แต่เราได้มีโอกาสเรียนรู้วิธีการที่จะปราบกิเลสของเราให้เบาบางลง และถือโอกาสนี้สอนผู้อื่นไปพร้อมๆ กับการขัดเกลากิเลสส่วนตน ร่วมกับการให้โอกาสคนอื่น และเพิ่มพูนบารมีของเราให้เติบโตขึ้น

ประกอบกับการที่เราได้เรียนรู้วิธีการสร้างบารมีแบบลัดขั้นตอนซึ่งมีหลักการที่อธิบายอยู่ในบล็อกแห่งนี้มากมาย โดยเฉพาะความเข้าใจในเนื้อหาซึ่งเพิ่มพูนขึ้นจากประสบการณ์ตลอด 14 ปีที่ผ่านมา ท่านคงเห็นความต่างกันในเรื่องความเชื่อสูงสุดที่แม้จะอ้างอิงศาสนาพุทธด้วยกันก็ตาม

ผมคิดว่าท่านที่เห็นต่างควรรับฟังไว้บ้าง ว่ามันมีความคิดที่อาจเป็นไปได้อีกหลายแบบ

โปรดชั่งใจว่า ถ้าสิ่งที่ท่านคิด มันเกิดผิดหรือไม่สมบูรณ์ขึ้นมา ท่านจะเสียหายขนาดไหน เพียงท่านไม่ได้บารมีที่ควรได้ มันก็เสียหายมากมายมหาศาล เพราะโลกมนุษย์นี้เป็นสถานที่ที่เรามาสร้างบารมี ไม่นานเราก็ต้องกลับไป  ส่วนตัวผมเอง ผมคิดไว้แล้ว ถ้าผมผิด อย่างน้อยผมก็ได้มีโอกาสไปสอนธรรมะตามสถานที่ต่างๆ ให้ผู้เรียนในเบื้องต้น มีใจสงบระงับ คิดดี พูดดี ทำดี ซึ่งเป็นหลักสากลมาตลอด 14 ปี ด้วยทุนรอนส่วนตัวทั้งสิ้น ไม่เคยมีการเรี่ยไรบริจาค ไม่เคยมีหน่วยงานเบื้องหน้าเบื้องหลังสนับสนุนแต่อย่างใด เราทำเพราะเราเชื่อว่าเราได้บารมี เราไม่ได้ทำฟรีๆ หรอก

ถ้าผมถูก เนื้อหาในวิชาธรรมกายจะเป็นเรื่องจริงอันยิ่งใหญ่ มีการต่อสู้กันระหว่าง ความดีกับความชั่ว พระกับมาร ขาวกับดำ จริง ! มีการขัดขวางผู้บำเพ็ญเพียรที่สร้างบารมี จริง ! การขัดขวางนั้นขัดขวางมาในส่วนละเอียดซึ่งยากแก่การรู้เห็น มาในทุกรูปแบบที่เราต้องฟันฝ่า มาในลักษณะที่คนทั่วไปหาว่าเราพยายามแก้ตัว มาอย่างไร ศึกษาเอาจากที่นี่ก็ได้ครับ


สุดท้าย โปรดสร้างความเข้าใจว่า ภาคพระไม่ใช่ผ้าขี้ริ้ว จะเหยียบจะย่ำ ท่านก็ต้องยอม นั่นมันอดีต ปัจจุบันอนาคตไม่ใช่แล้ว ภาคพระไม่ได้มีลักษณะ
ใจดีไม่มีประมาณ การใจดีกับใครก็ต้องมีเหตุผล ถ้าเห็นภาคพระตำหนิเอาแรงๆ ก็ดูเหตุผลด้วยนะครับ