เนื้อหาในบล็อก มีมากพอสมควรแล้ว
ผมจึงคิดจะเขียนเรื่องนี้
สมัยที่ผมยังเล่นกีฬาแบดมินตันอยู่ เราออกไปเล่นวันเว้นวัน
ชนิดที่ว่าติดกีฬา ทำเช่นนี้มาเป็นปีๆ ไม่เก่งก็ต้องเก่ง มีอยู่คราวหนึ่ง
ผมซึ่งเป็นหมอหูคอจมูก ออกไปเล่นแบดมินตันทั้งๆ ที่ตัวเองป่วยเป็นหวัด
ผมแปลกใจที่เพื่อนที่เล่นด้วยกันท่านหนึ่งเกิดความสงสัยว่าผมจะป่วยได้อย่างไรในเมื่อผมเป็นหมอ คือเขาเข้าใจว่า หมอที่รักษาทางหูคอจมูก ไม่น่าจะป่วยด้วยโรคหวัดซึ่งเป็นโรคทางหูคอจมูกที่ตัวเองชำนาญ
แรกๆ ผมรู้สึกแปลกใจต่อความเข้าใจอันนี้ของเขา
เพราะเราก็เป็นมนุษย์ที่มีสิทธิ์จะป่วยได้ แถมในขณะป่วย เราก็ยังรักษาคนไข้ที่เป็นหวัดเหมือนเราไปด้วยในตัว
หายป่วยก่อนเราก็มี
เมื่อเรามาสอนธรรมะภาคปฏิบัติ ซึ่งเป็นภาคขัดเกลากิเลส วิทยากรในยุคแรกเคยได้ยินคำพูดจากเจ้าสำนักธรรมกายสำนักหนึ่ง
หลังจากที่เราไปบอกท่านว่ามีครูสอนให้เราไปออกสอนธรรมะตามโรงเรียน
ท่านตอบกลับมาว่า “เธอมีดีอะไร ถึงคิดจะไปสอนเขา สอนตัวเองให้ได้ก่อนเถอะ” คล้ายกับว่า
ถ้าเธอยังไม่หมดกิเลส เธอก็อย่าคิดอ่านไปสอนใครให้หมดกิเลสเลย สอนตัวเองไปก่อน
หรือจะบอกว่า หมอที่ยังป่วยได้อยู่ อย่าบังอาจไปรักษาคนไข้
รักษาตัวเองให้ไม่รู้จักเจ็บป่วยเสียก่อนเถอะ
ท่านผู้อ่านจะคิดอย่างไรก็แล้วแต่ ผมขอบอกไว้ ณ ที่นี้ว่า
เราไม่เคยสร้างภาพว่าเราเป็นผู้หมดกิเลส ตรงกันข้ามเราเป็นฆราวาสที่ยังมีกิเลสอยู่
แต่เราได้มีโอกาสเรียนรู้วิธีการที่จะปราบกิเลสของเราให้เบาบางลง และถือโอกาสนี้สอนผู้อื่นไปพร้อมๆ
กับการขัดเกลากิเลสส่วนตน ร่วมกับการให้โอกาสคนอื่น และเพิ่มพูนบารมีของเราให้เติบโตขึ้น
ประกอบกับการที่เราได้เรียนรู้วิธีการสร้างบารมีแบบลัดขั้นตอนซึ่งมีหลักการที่อธิบายอยู่ในบล็อกแห่งนี้มากมาย
โดยเฉพาะความเข้าใจในเนื้อหาซึ่งเพิ่มพูนขึ้นจากประสบการณ์ตลอด 14 ปีที่ผ่านมา ท่านคงเห็นความต่างกันในเรื่องความเชื่อสูงสุดที่แม้จะอ้างอิงศาสนาพุทธด้วยกันก็ตาม
ผมคิดว่าท่านที่เห็นต่างควรรับฟังไว้บ้าง
ว่ามันมีความคิดที่อาจเป็นไปได้อีกหลายแบบ
โปรดชั่งใจว่า ถ้าสิ่งที่ท่านคิด มันเกิดผิดหรือไม่สมบูรณ์ขึ้นมา
ท่านจะเสียหายขนาดไหน เพียงท่านไม่ได้บารมีที่ควรได้ มันก็เสียหายมากมายมหาศาล เพราะโลกมนุษย์นี้เป็นสถานที่ที่เรามาสร้างบารมี ไม่นานเราก็ต้องกลับไป ส่วนตัวผมเอง
ผมคิดไว้แล้ว ถ้าผมผิด อย่างน้อยผมก็ได้มีโอกาสไปสอนธรรมะตามสถานที่ต่างๆ
ให้ผู้เรียนในเบื้องต้น มีใจสงบระงับ คิดดี พูดดี ทำดี ซึ่งเป็นหลักสากลมาตลอด 14
ปี ด้วยทุนรอนส่วนตัวทั้งสิ้น ไม่เคยมีการเรี่ยไรบริจาค
ไม่เคยมีหน่วยงานเบื้องหน้าเบื้องหลังสนับสนุนแต่อย่างใด
เราทำเพราะเราเชื่อว่าเราได้บารมี เราไม่ได้ทำฟรีๆ หรอก
ถ้าผมถูก เนื้อหาในวิชาธรรมกายจะเป็นเรื่องจริงอันยิ่งใหญ่
มีการต่อสู้กันระหว่าง ความดีกับความชั่ว พระกับมาร ขาวกับดำ จริง ! มีการขัดขวางผู้บำเพ็ญเพียรที่สร้างบารมี จริง ! การขัดขวางนั้นขัดขวางมาในส่วนละเอียดซึ่งยากแก่การรู้เห็น
มาในทุกรูปแบบที่เราต้องฟันฝ่า มาในลักษณะที่คนทั่วไปหาว่าเราพยายามแก้ตัว มาอย่างไร ศึกษาเอาจากที่นี่ก็ได้ครับ
สุดท้าย โปรดสร้างความเข้าใจว่า ภาคพระไม่ใช่ผ้าขี้ริ้ว จะเหยียบจะย่ำ ท่านก็ต้องยอม นั่นมันอดีต ปัจจุบันอนาคตไม่ใช่แล้ว ภาคพระไม่ได้มีลักษณะ “ใจดีไม่มีประมาณ” การใจดีกับใครก็ต้องมีเหตุผล ถ้าเห็นภาคพระตำหนิเอาแรงๆ ก็ดูเหตุผลด้วยนะครับ