Pages

Tuesday, December 7, 2010

ทำไมไม่ทำสมาธิซะเลยล่ะ?

วันนี้คุยเรื่องเบาๆ

เมื่อซัก 20 ปีก่อน ผมได้เห็นเครื่องมือชิ้นหนึ่ง มีลักษณะเป็นแว่นตาที่มีไฟกระพริบ และมีหูฟังแบบ ear muff ครอบหู เครื่องมือชนิดนี้ส่งแสงและเสียงออกมาในระดับต่างๆ โดยมีผลการทดลองที่พบว่ามันสามารถกระตุ้นคลื่นสมองของผู้ที่ใช้มันได้ โดยจะทำให้เกิดเป็นรูปแบบใดก็แล้วแต่เรา เพราะมีคลื่นสมองให้เลือกตั้งแต่ คลื่นอัลฟ่า เบต้า ทีต้า และเดลต้า เช่นหากเราอยากตื่นตัวเพื่อทำงาน ก็ปรับเครื่องให้กระตุ้นคลื่นสมองให้เป็น อัลฟ่า หรือเบต้า ถ้าอยากพักสงบๆ ก็ทีต้า แต่ถ้าอยากดำดิ่งสู่ห้วงของสมาธิ ก็ปรับไปที่เดลต้า

ที่สำคัญเครื่องมือชิ้นนี้ มีราคาแพงมากเมื่อเทียบกับค่าเงินในยุคนั้น ถ้าผมจำไม่ผิดน่าจะประมาณหนึ่งถึงสองหมื่นบาท

สิ่งที่เกี่ยวข้องกับพวกเราก็คือ คลื่นสมองแบบเดลต้านั่นเอง ในคู่มือของเครื่องบอกไว้ว่า จะพบคลื่นสมองแบบนี้ในคนที่ฝึกจิตจนมีสมาธิแก่กล้าแล้วเท่านั้น คนทั่วไปมักทำความสงบได้แค่คลื่นทีต้าปลายๆ แต่คลื่นเดลต้ามักพบในโยคีที่ฝึกจิตมานานเป็น 10 ปีขึ้นไป แต่เครื่องมือชิ้นนี้สามารถสร้างคลื่นสมองชนิดนี้ได้ภายในเวลาเพียง 10 นาทีเท่านั้น ท่านจึงไม่ต้องใช้เวลาถึง 10 ปีในการฝึกจิต

มันมีอะไรทดแทนการฝึกสมาธิได้หรือ?

เหมือนผมอยากรู้ว่า มีเครื่องมืออะไรแทนการออกกำลังกายได้หรือไม่ โดยผมไม่ต้องเหนื่อยหรือเสียเวลาออกกำลังกายเอง?

ผมไม่อาจปฏิเสธได้เพราะในอนาคตข้างหน้า เราอาจสร้างเครื่องมือเหล่านี้ได้จริง และหากเป็นเช่นนั้นก็นับเป็นโชคดีของมนุษยชาติ

อย่างไรก็ตาม หากเราได้ศึกษางานวิจัยที่เกี่ยวกับการทำสมาธิมาพอสมควร เราจะพบว่า การฝึกสมาธิที่ถูกขั้นตอน และมีการวัดผลอย่างเป็นระบบ ทำให้เราไม่ต้องใช้เวลาฝึกถึง 10 ปีอย่างที่กล่าวมา แถมยังมีผลพลอยได้ไม่ว่าในทางกายหรือทางจิตใจอย่างมหาศาล

ผลทางกายยังแบ่งได้ เป็นผลต่อสุขภาพทางกายโดยตรง รวมถึงผลต่อสมองซึ่งรับหน้าที่ในด้านสติปัญญา โดยแบ่งเป็นความจำ การเรียนรู้ ระดับ IQ ฯลฯ

ส่วนผลทางจิตใจ แน่นอน สมาธิมีผลโดยตรงอย่างชัดเจน เพราะเป็นการฝึกกำลังทางใจจนใจแข็งแรง เกิดกำลังใจต่อผู้ฝึกอย่างมากมาย ทั้งนี้ยังไม่นับรวมถึงบางท่านที่อ้างว่าสามารถสร้างอภินิหารทางใจได้อีกด้วย ( อ้างอิงบทความในบล็อค 1 , 2 , 3 , 4 , 5 , 6 , 7* , และอื่นๆ ที่แฝงอยู่ในบล็อคนี้อีกมาก)

เครื่องมือที่ผมกล่าวถึงข้างต้น อ้างอิงตัวชี้วัดเพียงตัวเดียวที่เกิดจากการทำสมาธิ คือคลื่นสมองเดลต้าเท่านั้น แต่เรายังไม่ได้วิจัยว่าการทำให้เกิดคลื่นสมองเดลต้านี้จะส่งผลต่อร่างกายและจิตใจในแบบที่การทำสมาธิทำให้เกิด ได้หรือไม่ หรือแม้มันทำได้จริง มันก็อาจเป็นผลที่วัดได้ที่กายมนุษย์เท่านั้น มันคุ้มกับการลงทุนหรือไม่ และมันสามารถทำให้ผู้เรียนเข้าถึงบทเรียนทางจิตในระดับที่สูงขึ้น(ความรู้ระดับปฏิเวธ) ได้หรือไม่ หรือมันจะมีผลข้างเคียงที่เรายังไม่รู้ ซึ่งอาจขัดขวางต่อการทำสมาธิเสียเองหรือไม่

ทั้งนี้ ความรู้ที่ได้จากภายในหลังจากเราเข้าถึงสมาธิที่ลุ่มลึกไปเรื่อยๆ นั้น ยังมีต่อไปอีกนับไม่ถ้วน โดยเฉพาะหลักสูตรในพุทธศาสนาที่ไม่เคยถึงทางตัน คลื่นเดลต้าที่เกิดขึ้นตั้งแต่การเป็นสมาธิขั้นต้น ก็ไม่ได้บอกระดับของสมาธิในขั้นถัดๆ ไป

แล้วทำไมเราจึงไม่ทุ่มเท ศึกษา เรียนรู้ และปฏิบัติด้วยการทำสมาธิซะเลยล่ะ?