สมัยที่ผมเรียนวิชา Pathology (หลายท่านเรียกว่า ‘ปาโถ’) อาจารย์แพทย์สอนผมไว้ว่า โรคทั้งปวงที่เกิดแก่มนุษย์จัดกลุ่มได้ 5 กลุ่ม คือ Congenital Trauma Tumor Infection Degeneration วันนี้ เรามาดูกันว่า โรคทั้ง 5 กลุ่มนี้
พอจะคุยกันในแง่มุมของวิชชาธรรมกายได้อย่างไร
การตายของมนุษย์ในวงการแพทย์ ตัวชี้วัดคือ
หัวใจหยุด หายใจหยุด (ระยะหลังเพิ่มเติมคลื่นสมองเป็นเส้นตรงด้วย)
ส่วนวิชชาธรรมกายเกิดจากหัวต่อกายหลุดออกจากกัน
อะไรก็ตามที่ทำให้หัวต่อกายมนุษย์หลุดออกจากกายฝัน จะทำให้กายมนุษย์ตาย
- Congenital พันธุกรรม
คือ โรคที่มีสาเหตุมาจากพันธุกรรม
หรือกรรมพันธุ์ มันติดตัวเรามาในระดับยีน (Gene) อาจแสดงให้เห็นตั้งแต่แรกเกิด หรือมาแสดงให้เห็นตอนโตแล้วก็ได้
บางโรคมีความแม่นยำในการแสดงผลมาก พอถึงอายุที่กำหนดเช่น อายุ 15 ปีก็จะเริ่มมีอาการของโรคทันที วงการแพทย์ติดตามสังเกตุอาการเหล่านี้จนจัดประเภทเป็น
กลุ่มอาการ (Syndrome) แล้วตั้งชื่อแต่ละ syndrome ตามชื่อของผู้ค้นพบ ตอนนี้มีเป็นหลักพันแล้ว
ในแง่วิชชาธรรมกาย
แต่เดิมเราก็เข้าใจว่าโรคทั้งปวงต้องเกิดจากมารเป็นผู้กระทำ
โรคในกลุ่มนี้อาจเกิดจากผู้ต้นคิดวิชาของแต่ละกลุ่มอาการที่ทำขึ้นไว้ก็เป็นได้
หรือ หากมองอีกมุมหนึ่ง อาจเป็นธรรมชาติ
(อย่างน้ำท่วม) ที่สายกรรมพันธุ์นี้ได้หมู่ธาตุ(ธรรม)
ที่เอามาสร้างกายมนุษย์ไม่สมบูรณ์ มีความไม่สมดุลย์ของธาตุในตัวของสายกรรมพันธุ์นี้มาแต่เดิม
โรคจึงเกิดแก่คนเฉพาะกลุ่ม
เมื่อพูดถึงพันธุกรรม ทำให้ผมนึกถึง “เหตุข้ามชาติ”
คือบางคนตายในลักษณะเดียวกันข้ามภพข้ามชาติต่อเนื่องมาตลอด
คุณลุงก็เคยเล่าประวัติคนสำคัญที่คุณลุงไปช่วย ท่านบอกว่าท่านจะต้องตายอย่างที่เป็นมานี้อีกหลายชาติ
คุณลุงต้องแก้ว่าเมื่อท่านทำดวงใสในท้องได้แล้ว เหตุทั้งปวงเป็นอันจบไป
เหตุเหล่านี้ บางแห่งเรียกว่าเป็นกรรมเก่า ทำให้กายมนุษย์แตกดับไปชาติหนึ่งแล้ว
แต่ตัวเหตุยังติดอยู่กับกายละเอียดๆ ของผู้นั้น
คอยจ้องทำลายต่อไปในอนาคตเมื่อกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก การแก้ไขในวิชชาธรรมกายจึงต้องคำนวณ
อดีตปัจจุบันอนาคต อ่อนแก่ หยาบละเอียด ฯลฯ เข้ามาให้หมด (ดู วิชชาธรรมกาย กับคณิตศาสตร์)
เราจะเห็นถึงความลึกซึ้งของวิชชาธรรมกายที่มีความรู้ทั้งกว้างไกล และลึกซึ้ง
ผมเชื่อว่าเหตุทางพันธุกรรม เป็นได้ทั้งเรื่องของ
ธรรมชาติ และธาตุธรรม ผู้อ่านได้โปรดไตร่ตรองและค้นคว้าต่อไป
- Trauma การบาดเจ็บ
กลุ่มนี้เข้าใจไม่ยาก
เป็นกลุ่มโรคที่เกิดจากแรงกระทำต่อกายมนุษย์โดยตรง เช่นรถชน ตกจากที่สูง ฯลฯ ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ
หรือจงใจก็ตาม ในวิชชาธรรมกายก็คงไม่ใช่ใครอื่น นอกจากมารผู้ต้นคิดวิชาวิบัติบาปศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวงนั่นเอง
- Tumor เนื้องอก
โรคที่เกิดจากการมีเนื้องอกส่วนเกินเกิดขึ้นในร่างกายของเราไม่ว่าจะเป็นเนื้องอกธรรมดา
หรือเนื้องอกลุมลาม (มะเร็ง) เนื้องอกธรรมดาไม่แพร่กระจาย หากวินิจฉัยได้
ตัดออกก็หาย แต่มะเร็งจะลุกลามไปได้ทั้งบริเวณใกล้เคียง และเดินทางไปที่ไกลๆ ได้ตามลักษณะเฉพาะตัวของโรคนั้นๆ
เมื่อลุกลามจนทำลายอวัยวะสำคัญ ก็ทำให้กายมนุษย์ตาย
ความรู้วิชชาธรรมกายเชื่อว่าโรคในกลุ่มนี้มีผู้ต้นคิดวิชา
เป็นเจ้าของโรคแต่ละอย่าง
บางครั้งพบว่าโรคในกลุ่มนี้เกี่ยวเนื่องกับกรรมพันธุ์(ข้อ
1) ด้วย โดยพบประวัติครอบครัวของผู้ป่วยอยู่บ่อยๆ
- Infection การติดเชื้อ
การติดเชื้อ คงไม่ต้องอธิบายมาก
ในทางแพทย์ มันมีเชื้อโรคตั้งแต่ขนาดใหญ่ไปหาเล็ก เช่น พยาธิ แมลง ยีสต์ เชื้อรา แบคทีเรีย
ไวรัส ปัจจุบันเล็กไปถึง Interferon ฯลฯ
ความรู้วิชชาธรรมกาย
ก็มีผู้ต้นคิดวิชาของแต่ละโรคดูแลกันไป
โรคทั้ง 4 หมวดที่กล่าวมา หากใครโชคดี
อาจไม่เคยพบปะเจอะเจอเลยก็ได้ หรือหากเจอก็แค่เบาๆ ไม่หนักหนาอะไร
ชีวิตก็ไม่แตกดับเพราะโรคเหล่านี้ แต่ไม่ว่าใครก็ตามที่รอดพ้นจากโรคทั้ง 4 ข้างต้น
ย่อมหนีไม่พ้นโรคที่ 5 คือ
- Degeneration ความเสื่อมสภาพ
โรคที่เกิดจากความเสื่อมโทรมของสังขาร
ปัจจุบันวงการแพทย์เริ่มอธิบายถึงทฤษฎีแห่งความเสื่อมหรือความชราของสังขารมนุษย์มากขึ้น
ว่าอาจจะมาจากทฤษฎี Wear and Tear, Oxidation, Hormone โดยเริ่มรู้และสนใจวิธีการชลอวัยกันมากขึ้น ผมไม่ขอลงรายละเอียดนะครับ
ส่วนวิชชาธรรมกาย โรคในกลุ่มนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่เราพูดถึงกันมาก
คือโรคที่เกิดจากดวงทุกข์สมุทัย นั่นเอง
ทุกข์สมุทัยเป็นวิชาที่ทำให้เกิดความเสื่อมโทรมของกายมนุษย์ทำให้กายมนุษย์ แก่
เจ็บ และตายในที่สุด
สำหรับดวงเกิด ผมได้นำเสนอความคิดเห็นไว้พอสมควรแล้วในบทความ
จับผิดครู ตอนนี้อยากเพิ่มเติมว่า
ดวงเกิดอาจเป็นดวงกสินของภาคมารที่เข้ามาตั้งในที่ตั้ง(ศูนย์กลางกาย)
ของเราเมื่ออายุ 14 ปี ก็ได้
เหมือนเวลาที่เราแก้ไขเรื่องธาตุกับธรรมในหนังสือมรรคผลพิสดาร 2
โดยให้ภาคธาตุเป็นกสิน ภาคธรรมเป็นสมาบัติ เดินสมาบัติในกสินจนกสินนั้นขาวใส ขอให้ผู้อ่านไปทบทวนตำราให้แตกฉานนะครับ
ในทางกลับกัน
ภาคมารนำดวงเกิดมาตั้งเป็นกสินของเขาไว้ในที่ตั้งของเรา
ดวงกสินนี้เป็นตัวแทนกายมนุษย์ของเรา เวลาจะกระทำการใดใดต่อเรา
ก็กระทำที่ดวงกสิน(ดวงเกิด)นี้ ที่ชัดๆ ก็คือเอา แก่ เจ็บ ตาย
มาเดินสมาบัติในดวงเกิดที่เขาเอามาตั้งไว้ จนดวงเกิดขุ่นมัว คือดำลง (กลับกับวิชชาเราที่เดินวิชชาให้ดวงกสินขาวใสขึ้น)
ชี้วัดว่าวิชชาของเขาได้ผล สัตว์โลก แก่เจ็บตาย ไม่มีใครเว้น
เพราะยังแก้วิชชาของเขาไม่ได้
ความเจ็บในขั้นตอนนี้
น่าจะเป็นความเจ็บที่เกี่ยวเนื่องด้วยความแก่ คือเจ็บเพราะความเสื่อมโทรมของสังขาร
ข้อเสื่อมปวดข้อ เดินเหิรไม่ถนัดปวดเนื้อตัวไปหมด อวัยวะสำคัญๆ ก็เสื่อมไปเรื่อยๆ เสื่อมหนักเข้าๆ
ดวงตายก็เข้ามาเดินสมาบัติทำงานจนหัวต่อกายมนุษย์หลุดจากกายฝัน กายมนุษย์ก็ตายด้วยโรคชรา
ถ้าเป็นไปตามนี้ เราจึงพออธิบายได้ว่า
เด็กอายุ 0-14 ปี ไม่ตายด้วยทุกข์สมุทัย เพราะตอนนั้นดวงเกิดยังไม่เข้ามา คือเด็กไม่ตายด้วยชุดวิชชา
“เกิด แก่ เจ็บ ตาย” แม้จะมีการยกเว้นบ้างเช่น โรคที่ทำให้แก่ก่อนวัย แต่พบเห็นน้อย นั่นคงเป็นเพราะทุกข์สมุทัยเข้าไปทำงานก่อนวัยอันควรเฉพาะบางคน ส่วนใหญ่เด็กๆ ที่ตายก่อนอายุ 14 ปี จะตายด้วยโรค 4 โรคข้างต้นที่ผมกล่าวมา ไม่ใช่
Degenerative diseases
วิชชาทุกข์สมุทัยถือเป็นวิชชาชิ้นโบว์แดงของเขา
กระทำต่อมนุษย์ทุกผู้ทุกนาม จนกลายเป็นธรรมดาของสังขารในยุคปัจจุบัน
กลายเป็นเนื้อหาหลักของพระพุทธศาสนาโดยทั่วไป
การแยกแยะโรคที่เกิดแก่กายมนุษย์ในบทนี้
อาจมีส่วนช่วยในการคำนวณ เวลาที่เราจะแก้วิชชาของเขาได้ไม่มากก็น้อย ขอจบบทความตอนนี้ไว้แค่นี้ก่อนครับ