Pages

Thursday, November 17, 2011

วิชชาธรรมกาย กับโรคที่เกิดแก่มนุษย์


สมัยที่ผมเรียนวิชา Pathology (หลายท่านเรียกว่า ปาโถ) อาจารย์แพทย์สอนผมไว้ว่า โรคทั้งปวงที่เกิดแก่มนุษย์จัดกลุ่มได้ 5 กลุ่ม คือ Congenital Trauma Tumor Infection Degeneration วันนี้ เรามาดูกันว่า โรคทั้ง 5 กลุ่มนี้ พอจะคุยกันในแง่มุมของวิชชาธรรมกายได้อย่างไร

การตายของมนุษย์ในวงการแพทย์ ตัวชี้วัดคือ หัวใจหยุด หายใจหยุด (ระยะหลังเพิ่มเติมคลื่นสมองเป็นเส้นตรงด้วย) ส่วนวิชชาธรรมกายเกิดจากหัวต่อกายหลุดออกจากกัน อะไรก็ตามที่ทำให้หัวต่อกายมนุษย์หลุดออกจากกายฝัน จะทำให้กายมนุษย์ตาย

  1. Congenital พันธุกรรม
คือ โรคที่มีสาเหตุมาจากพันธุกรรม หรือกรรมพันธุ์ มันติดตัวเรามาในระดับยีน (Gene) อาจแสดงให้เห็นตั้งแต่แรกเกิด หรือมาแสดงให้เห็นตอนโตแล้วก็ได้ บางโรคมีความแม่นยำในการแสดงผลมาก พอถึงอายุที่กำหนดเช่น อายุ 15 ปีก็จะเริ่มมีอาการของโรคทันที วงการแพทย์ติดตามสังเกตุอาการเหล่านี้จนจัดประเภทเป็น กลุ่มอาการ (Syndrome) แล้วตั้งชื่อแต่ละ syndrome ตามชื่อของผู้ค้นพบ ตอนนี้มีเป็นหลักพันแล้ว

ในแง่วิชชาธรรมกาย แต่เดิมเราก็เข้าใจว่าโรคทั้งปวงต้องเกิดจากมารเป็นผู้กระทำ โรคในกลุ่มนี้อาจเกิดจากผู้ต้นคิดวิชาของแต่ละกลุ่มอาการที่ทำขึ้นไว้ก็เป็นได้

หรือ หากมองอีกมุมหนึ่ง อาจเป็นธรรมชาติ (อย่างน้ำท่วม) ที่สายกรรมพันธุ์นี้ได้หมู่ธาตุ(ธรรม) ที่เอามาสร้างกายมนุษย์ไม่สมบูรณ์ มีความไม่สมดุลย์ของธาตุในตัวของสายกรรมพันธุ์นี้มาแต่เดิม โรคจึงเกิดแก่คนเฉพาะกลุ่ม

เมื่อพูดถึงพันธุกรรม ทำให้ผมนึกถึง เหตุข้ามชาติ คือบางคนตายในลักษณะเดียวกันข้ามภพข้ามชาติต่อเนื่องมาตลอด คุณลุงก็เคยเล่าประวัติคนสำคัญที่คุณลุงไปช่วย ท่านบอกว่าท่านจะต้องตายอย่างที่เป็นมานี้อีกหลายชาติ คุณลุงต้องแก้ว่าเมื่อท่านทำดวงใสในท้องได้แล้ว เหตุทั้งปวงเป็นอันจบไป เหตุเหล่านี้ บางแห่งเรียกว่าเป็นกรรมเก่า ทำให้กายมนุษย์แตกดับไปชาติหนึ่งแล้ว แต่ตัวเหตุยังติดอยู่กับกายละเอียดๆ ของผู้นั้น คอยจ้องทำลายต่อไปในอนาคตเมื่อกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก การแก้ไขในวิชชาธรรมกายจึงต้องคำนวณ อดีตปัจจุบันอนาคต อ่อนแก่ หยาบละเอียด ฯลฯ เข้ามาให้หมด (ดู วิชชาธรรมกาย กับคณิตศาสตร์) เราจะเห็นถึงความลึกซึ้งของวิชชาธรรมกายที่มีความรู้ทั้งกว้างไกล และลึกซึ้ง

ผมเชื่อว่าเหตุทางพันธุกรรม เป็นได้ทั้งเรื่องของ ธรรมชาติ และธาตุธรรม ผู้อ่านได้โปรดไตร่ตรองและค้นคว้าต่อไป

  1. Trauma การบาดเจ็บ
กลุ่มนี้เข้าใจไม่ยาก เป็นกลุ่มโรคที่เกิดจากแรงกระทำต่อกายมนุษย์โดยตรง เช่นรถชน ตกจากที่สูง ฯลฯ ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ หรือจงใจก็ตาม ในวิชชาธรรมกายก็คงไม่ใช่ใครอื่น นอกจากมารผู้ต้นคิดวิชาวิบัติบาปศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวงนั่นเอง

  1. Tumor เนื้องอก
โรคที่เกิดจากการมีเนื้องอกส่วนเกินเกิดขึ้นในร่างกายของเราไม่ว่าจะเป็นเนื้องอกธรรมดา หรือเนื้องอกลุมลาม (มะเร็ง) เนื้องอกธรรมดาไม่แพร่กระจาย หากวินิจฉัยได้ ตัดออกก็หาย แต่มะเร็งจะลุกลามไปได้ทั้งบริเวณใกล้เคียง และเดินทางไปที่ไกลๆ ได้ตามลักษณะเฉพาะตัวของโรคนั้นๆ เมื่อลุกลามจนทำลายอวัยวะสำคัญ ก็ทำให้กายมนุษย์ตาย

ความรู้วิชชาธรรมกายเชื่อว่าโรคในกลุ่มนี้มีผู้ต้นคิดวิชา เป็นเจ้าของโรคแต่ละอย่าง

บางครั้งพบว่าโรคในกลุ่มนี้เกี่ยวเนื่องกับกรรมพันธุ์(ข้อ 1)  ด้วย โดยพบประวัติครอบครัวของผู้ป่วยอยู่บ่อยๆ

  1. Infection การติดเชื้อ
การติดเชื้อ คงไม่ต้องอธิบายมาก ในทางแพทย์ มันมีเชื้อโรคตั้งแต่ขนาดใหญ่ไปหาเล็ก เช่น พยาธิ แมลง ยีสต์ เชื้อรา แบคทีเรีย ไวรัส ปัจจุบันเล็กไปถึง Interferon ฯลฯ

ความรู้วิชชาธรรมกาย ก็มีผู้ต้นคิดวิชาของแต่ละโรคดูแลกันไป

โรคทั้ง 4 หมวดที่กล่าวมา หากใครโชคดี อาจไม่เคยพบปะเจอะเจอเลยก็ได้ หรือหากเจอก็แค่เบาๆ ไม่หนักหนาอะไร ชีวิตก็ไม่แตกดับเพราะโรคเหล่านี้ แต่ไม่ว่าใครก็ตามที่รอดพ้นจากโรคทั้ง 4 ข้างต้น ย่อมหนีไม่พ้นโรคที่ 5 คือ

  1. Degeneration ความเสื่อมสภาพ
โรคที่เกิดจากความเสื่อมโทรมของสังขาร ปัจจุบันวงการแพทย์เริ่มอธิบายถึงทฤษฎีแห่งความเสื่อมหรือความชราของสังขารมนุษย์มากขึ้น ว่าอาจจะมาจากทฤษฎี Wear and Tear, Oxidation, Hormone โดยเริ่มรู้และสนใจวิธีการชลอวัยกันมากขึ้น ผมไม่ขอลงรายละเอียดนะครับ

ส่วนวิชชาธรรมกาย โรคในกลุ่มนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่เราพูดถึงกันมาก คือโรคที่เกิดจากดวงทุกข์สมุทัย นั่นเอง ทุกข์สมุทัยเป็นวิชาที่ทำให้เกิดความเสื่อมโทรมของกายมนุษย์ทำให้กายมนุษย์ แก่ เจ็บ และตายในที่สุด

สำหรับดวงเกิด ผมได้นำเสนอความคิดเห็นไว้พอสมควรแล้วในบทความ จับผิดครู ตอนนี้อยากเพิ่มเติมว่า ดวงเกิดอาจเป็นดวงกสินของภาคมารที่เข้ามาตั้งในที่ตั้ง(ศูนย์กลางกาย) ของเราเมื่ออายุ 14 ปี ก็ได้ เหมือนเวลาที่เราแก้ไขเรื่องธาตุกับธรรมในหนังสือมรรคผลพิสดาร 2 โดยให้ภาคธาตุเป็นกสิน ภาคธรรมเป็นสมาบัติ เดินสมาบัติในกสินจนกสินนั้นขาวใส ขอให้ผู้อ่านไปทบทวนตำราให้แตกฉานนะครับ

ในทางกลับกัน ภาคมารนำดวงเกิดมาตั้งเป็นกสินของเขาไว้ในที่ตั้งของเรา ดวงกสินนี้เป็นตัวแทนกายมนุษย์ของเรา เวลาจะกระทำการใดใดต่อเรา ก็กระทำที่ดวงกสิน(ดวงเกิด)นี้ ที่ชัดๆ ก็คือเอา แก่ เจ็บ ตาย มาเดินสมาบัติในดวงเกิดที่เขาเอามาตั้งไว้ จนดวงเกิดขุ่นมัว คือดำลง (กลับกับวิชชาเราที่เดินวิชชาให้ดวงกสินขาวใสขึ้น) ชี้วัดว่าวิชชาของเขาได้ผล สัตว์โลก แก่เจ็บตาย ไม่มีใครเว้น เพราะยังแก้วิชชาของเขาไม่ได้

ความเจ็บในขั้นตอนนี้ น่าจะเป็นความเจ็บที่เกี่ยวเนื่องด้วยความแก่ คือเจ็บเพราะความเสื่อมโทรมของสังขาร ข้อเสื่อมปวดข้อ เดินเหิรไม่ถนัดปวดเนื้อตัวไปหมด อวัยวะสำคัญๆ ก็เสื่อมไปเรื่อยๆ เสื่อมหนักเข้าๆ ดวงตายก็เข้ามาเดินสมาบัติทำงานจนหัวต่อกายมนุษย์หลุดจากกายฝัน กายมนุษย์ก็ตายด้วยโรคชรา

ถ้าเป็นไปตามนี้ เราจึงพออธิบายได้ว่า เด็กอายุ 0-14 ปี ไม่ตายด้วยทุกข์สมุทัย เพราะตอนนั้นดวงเกิดยังไม่เข้ามา คือเด็กไม่ตายด้วยชุดวิชชา เกิด แก่ เจ็บ ตาย แม้จะมีการยกเว้นบ้างเช่น โรคที่ทำให้แก่ก่อนวัย แต่พบเห็นน้อย นั่นคงเป็นเพราะทุกข์สมุทัยเข้าไปทำงานก่อนวัยอันควรเฉพาะบางคน ส่วนใหญ่เด็กๆ ที่ตายก่อนอายุ 14 ปี จะตายด้วยโรค 4 โรคข้างต้นที่ผมกล่าวมา ไม่ใช่ Degenerative diseases

วิชชาทุกข์สมุทัยถือเป็นวิชชาชิ้นโบว์แดงของเขา กระทำต่อมนุษย์ทุกผู้ทุกนาม จนกลายเป็นธรรมดาของสังขารในยุคปัจจุบัน กลายเป็นเนื้อหาหลักของพระพุทธศาสนาโดยทั่วไป

การแยกแยะโรคที่เกิดแก่กายมนุษย์ในบทนี้ อาจมีส่วนช่วยในการคำนวณ เวลาที่เราจะแก้วิชชาของเขาได้ไม่มากก็น้อย ขอจบบทความตอนนี้ไว้แค่นี้ก่อนครับ