Pages

Wednesday, September 26, 2012

ความเข้าใจเรื่องโลก 3 กับคำทำนาย 2012


มีคำทำนายวิบัติของโลกออกมาเรื่อยๆ ระยะนี้ก็มีมาตั้งแต่ปี 2011 2012 มาถึงตอนนี้ ใกล้ปลายปี 2012 แล้ว คำทำนายก็ต้องต่อไปถึงปี 2013 ผมไม่ได้ลบหลู่ว่ามันจะเกิดหรือมันจะไม่เกิดแต่อย่างใด เพียงแต่ขอให้เราพิจารณาความเป็นไปของตัวเราและโลกใบนี้ให้ลึกซึ้ง อย่างโลกใบนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงมาตลอด แผนที่โลกก็เปลี่ยนไปเรื่อยจากยุคสู่ยุค ซึ่งเราสามารถหาข้อมูลดูได้อย่างละเอียดในโลกอินเตอร์เน็ต เรามาคุยกันในเนื้อหาทางธรรมดีกว่า

ผมเคยเขียนเรื่องวิชาธรรมกายกับประวัติศาสตร์ ว่าความเป็นไปในส่วนละเอียด ทั้งปวงมาจากการแย่งชิงอำนาจปกครองของธาตุธรรมสำคัญระหว่าง พระกับมาร ความดีกับความชั่ว ขาวกับดำ นั่นเอง แต่ธาตุธรรมทั้งปวงมีทั้งอ่อนแก่ หยาบละเอียด การรบในส่วนละเอียดมีผลมาถึงสมรภูมิในส่วนหยาบซึ่งก็คือสิ่งที่เราได้เห็นความ เป็นอยู่คือในโลกมนุษย์ของเรานั่นเอง

การรบต้องอาศัยสมรภูมิ หรือที่อยู่ หรือโลก ที่เป็นสนามรบ ผมเคยเขียนเรื่องโลก 3 มาแล้ว โลกที่เราเห็นเป็น ของส่วนหยาบ ในความหมายของวิชาธรรมกายก็คือที่อาศัยของธาตุธรรมส่วนละเอียด (ไม่ว่าจะเป็นพระหรือมาร) เพื่อเข้ามามีอำนาจปกครอง ใครได้ปกครอง โลกเหล่านี้ก็แปรไปตามอำนาจปกครองของธาตุธรรมนั้นๆ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปจนเรียกได้ว่าไม่แน่นอน จนกว่าจะถึงจุดสมดุลย์อันหนึ่ง

โลก 3 นี้ก็คือ สัตว์โลก ขันธโลก (หรือสังขารโลก) และอากาสโลก (หรือโอกาสโลก) นั่นเอง

สัตว์โลก

คือธาตุธรรม หรือตัวตนส่วนละเอียด หรือใจจิตวิญญาณของเรา ที่มาเวียนว่ายตายเกิดในโลกใบนี้ ซึ่งมีอ่อนแก่หยาบละเอียดเข้าไป การมาอยู่ในโลกก็มาอยู่กันชั่วคราว มีหน้าที่สำคัญคือการสร้างบารมีให้ธาตุธรรมของตนยกระดับขึ้นสู่ธาตุธรรมชั้นสูงขึ้นเรื่อยๆ จนไม่ต้องมาเวียนตายเวียนเกิดอีก เมื่อมาสู่โลกใบนี้ จำเป็นต้องมีกายมนุษย์ ซึ่งมีขั้นตอน มีพิธีการที่จะให้มีกายมนุษย์เกิดขึ้นได้ เช่นต้องมีพ่อแม่ มีการนำทรัพยากรดินน้ำไฟลมที่มาจากโลกใบนี้ (ซึ่งก็คือส่วนของอากาสโลกนั่นเอง) มาใช้

ภาคของมารที่ปกครองสัตว์โลก คือภาคปิฎก อันมี อภิชฌา พยาบาท มิจฉาทิฐิ เป็นต้น กองทัพปิฎกพยายามยึดฐานที่ตั้ง หรือโลกในส่วนของสัตว์โลกนั่นเอง

ขันธโลก

คือกายมนุษย์ของเราที่สัตว์โลกอันเป็นตัวเราได้อาศัยใช้สอยในชาติหนึ่งๆ คือเรามีการเวียนเกิดเวียนตายกันหลายชาติ ชาตินี้ก็มาสร้างกายมนุษย์ซึ่งเป็นขันธโลกขึ้นมาอีกขันธ์หนึ่ง ขันธโลกต้องถูกบำรุงเลี้ยงด้วยอาหารหรือธาตุดินน้ำไฟลมจากอากาสโลก จะอ้วนผอมสูงต่ำดำขาว ก็เป็นเรื่องของขันธโลกทั้งสิ้น

สัตว์โลกซึ่งเป็น ธาตุเป็นธรรมเป็น นำเอาดินน้ำไฟลมจากอากาสโลกซึ่งเป็น ธาตุตายธรรมตาย มาสร้างกายมนุษย์คือขันธโลกและกลายมาเป็นธาตุเป็นธรรมเป็นขึ้นมานั่นเอง

ภาคมารที่มาปกครองขันธโลก คือภาคทุกข์สมุทัย หรือเกิดแก่เจ็บตาย ภาคนี้เป็นภาคของการทำลายขันธ์หรือสังขารของเราให้แตกดับไป หากไม่แตกดับไปด้วยภัยใดใด ก็ต้องแก่เจ็บตาย ทำลายขันธ์ด้วยความเสื่อมโทรมอันนี้อยู่ดี เพราะแต่ดั้งเดิม เรายังแก้วิชาทุกข์สมุทัยของเขาไม่ได้

พูดให้ง่ายขึ้นอีกก็คือ ร่างกายของเราคือ "ขันธโลก" ส่วนจิตใจของเราหรือใจจิตวิญญาณที่เวียนมาเกิดของเราคือ "สัตว์โลก" นั่นเอง

อากาสโลก

มองง่ายๆ ก็คือแผ่นดินแผ่นน้ำแผ่นฟ้า หรือโลกทั้งปวงที่เราอยู่อาศัยนั่นเอง มีอ่อนแก่หยาบละเอียดทั้งนั้น เท่าที่ผมสังเกต ภาคอากาสโลกนี้ มีวิชาธรรมกายเท่านั้นที่พูดถึง

อากาสโลกเป็นธาตุตายธรรมตาย ประกอบด้วยธาตุ ดินน้ำไฟลมอากาศ เป็นธาตุทั้ง 4 หรือ 5

หากประกอบเป็นขันธโลกโดยมีวิญญาณธาตุเติมเข้าไปก็จะเป็น ธาตุเป็นธรรมเป็น (คือธาตุ 6) ขึ้นมาทันที เช่นเซลล์ในร่างกายของเรา ไล่เรื่อยขึ้นมา ส่วนวิญญาณธาตุนั้นจะเป็นอะไร เป็นเรื่องละเอียดเกินไปสำหรับบทความตอนนี้

เมื่อภาคมารปกครองอากาสโลก เราจะเห็นภัยพิบัติในเรื่องดินน้ำไฟลมอากาศในรูปแบบต่างๆ และในยุคนี้ก็เป็นที่มาของคำทำนายภัยพิบัติทั้งปวงแห่งปี 2012 นั่นเอง

โลกทั้ง 3 เกี่ยวข้องและอาศัยซึ่งกันและกัน สัตว์โลกมีความโลภเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตน เช่น ตั้งโรงงานอุตสาหกรรมทำให้โลกร้อนขึ้น สภาพอากาศแปรปรวน เราก็รู้ทั้งนั้น แต่ไม่อาจเลิกได้เพราะเสียประโยชน์ โลกเสียหาย มนุษย์ที่อยู่บนโลกก็เสียหาย

เราเป็นมนุษย์ตัวเล็กๆ ที่เวียนมาเกิดบนโลกใบนี้ จะทำอย่างไร?

เมื่อโลกทั้งปวงสามารถสื่อถึงกัน บารมีที่มนุษย์จำนวนมากช่วยกันสร้าง ย่อมเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ให้ดีขึ้นได้ เราควรทบทวนหน้าที่ที่แท้จริงของเราที่มาเกิดบนโลกใบนี้ ให้เข้าใจว่าเรามาอยู่ชั่วคราว เพื่อมาสร้างบารมียกระดับธาตุธรรมของเรา ให้ก้าวไปสู่ความเป็นอยู่ที่เป็นอมตะกว่า

โลกใบนี้ยังไม่ใช่ของอมตะ มันต้องเปลี่ยนแปลงไป แบบที่มันก็เคยเป็นมาในอดีต ตัวเราก็เช่นกัน เราจะเป็นห่วงเป็นใยไปก็เท่านั้น ต่อให้ไม่มีภัยพิบัติใดใด กายมนุษย์ของคนทั่วไปก็ยังมีแก่เจ็บตายอยู่ดี ยังไม่จิรังยั่งยืน เราจะไปก่อนหรือโลกจะไปก่อนก็ไม่รู้

เราสร้างบารมีพอหรือยัง เราวางแผนสำหรับโลกข้างหน้าไว้ดีพอหรือยัง เพราะเรายังต้องเดินทางต่อ ใกล้บ้างไกลบ้าง มิใช่หรือ