สมัยแรกๆ ของการเป็นวิทยากรสอนธรรมปฏิบัติ เรามี Jigsaws ให้ต่อเป็นภาพดังนี้
· ครูของเราบอกว่า หลักสูตรทั่วไปในการสร้างบารมีของธรรมภาคขาว คือการสร้างบารมี 10 ทัศศ์ หากปรารถนาจะเป็นสัพพัญญูต้องสร้างให้มากขึ้น เช่น ทานบารมีต้องทำถึงขนาด “ต้อง ให้ ได้ ทุก อย่าง” คือบริจาคลูกเมียเป็นทานได้ ควักลูกนัยตาบริจาคเป็นทานได้ เป็นต้น แม้กระนั้นก็ยังแพ้มาร พระสมณโคดมท่านว่า ได้บารมีแค่เส้นตอก แต่ยุคเราได้บารมีมหาศาล ท่านผายมือให้ดู ท่านอยากมาเกิดสร้างบารมีแบบนี้ด้วย
· การสร้างบารมีแบบใหม่ ให้สอนธรรมปฏิบัติ จนผู้เรียนมีดวงตาเห็นธรรม และเข้าถึงธรรมกายเบื้องต้น เป็นการเอาหน้าที่ของสัพพัญญูพุทธเจ้ามาทำตอนยังเป็นโพธิสัตว์ ดังนั้นการสอนธรรมของเราคือการสร้างบารมีส่วนตน ไม่ใช่การรื้อสัตว์ขนสัตว์
· การสอนธรรมได้บารมีมาก สอนคนให้เห็นดวงปฐมมรรค 1 คน ได้บารมีเท่ากับบวชพระ 1 หมื่นรูป ถ้าสอนให้เขาเดินวิชชา 18 กายได้ ได้บารมีเท่ากับบวชพระ 4 หมื่นรูป แต่ “หนูจะได้มีโอกาสมาทำหรือเปล่า?” เพราะการมาทำทางสายธรรมะ น่าจะดูดี แต่ตรงกันข้าม ท่านจะพบกับอุปสรรคนานับปการอย่างไม่น่าเชื่อ และเหตุผลที่ทำได้ไม่ตลอดรอดฝั่ง มักเป็นเหตุผลที่น่าเห็นใจ และสมเหตุสมผลอย่างยิ่ง
· วิทยากรต้องผ่านการสอบวิปัสสนาจารย์ คือท่องบทบอกวิชชาให้ผู้เรียนเดินใจตามฐาน 7 ฐาน และเดินวิชชา 18 กายได้
· หลังสอบเสร็จคราวหนึ่ง คุณลุงได้ยินหลวงพ่อวัดปากน้ำท่านว่า “นี่น่ะได้บารมี 4 อสงไขย เชียวนะ”
· พวกเราตกใจ อะไรกัน แค่ท่องสอบไม่กี่หน้า ได้บารมีตั้ง 4 อสงไขยเชียวหรือ พระพุทธเจ้าท่านทำแทบตาย คุณลุงก็งงๆ บอกกับเราว่าเดี๋ยวเข้าไปถามหลวงพ่อดูใหม่ ได้ความว่า “ให้มาเป็นทุนไว้ก่อน” เรายังงงๆ แต่ไม่กล้าถามต่อ
· อีกหลายเดือนต่อมา คุณลุงเข้าไปถามท่านอีก ได้คำตอบมาว่า “ถ้าบารมีไม่ถึง 4 อสงไขย เปิดดวงปฐมมรรคไม่ได้”
· บารมีที่ได้จากการสอน มีมากมายมหาศาล จนธาตุธรรมต้องมีการวางแผน คือ ยังไม่ให้บารมีในทันทีที่ทำงาน แต่ให้รวบรวมผลงานไว้ ไปคำนวณบารมีเป็นคราวๆ และไม่ให้บารมีทั้งหมดมาที่ศูนย์กลางกายของเรา คือส่วนใหญ่เก็บไว้กับธาตุธรรม มีเพียงบางส่วนส่งมาหล่อเลี้ยงที่ศูนย์กลางกายเรา หากให้บารมีมาทั้งหมดเลย เราไม่สามารถเก็บรักษาไว้เองได้ จะถูกระเบิดขโมยไปโดยไม่รู้ตัว แม้ธาตุธรรมผู้รับฝากบารมี ก็รับเฉพาะบางพระองค์เท่านั้น ส่วนใหญ่ๆ เก็บไว้กับหลวงพ่อวัดปากน้ำ(ต้นธาตุ)นั่นเอง
ภาพที่ผมเห็นจาก Jigsaws ที่กล่าวมาคือ เราไปสอบวิปัสสนาจารย์ เหมือนเป็นการกู้ยืมบารมีจากธาตุธรรมมาก่อน 4 อสงไขย เพื่อมาทำงานสอนในระดับสัพพัญญู เมื่อทำงานแล้ว เราจึงได้บารมีของเราจริงๆ แต่ยังไม่ได้เลย หากได้มาเราก็คงใช้ไม่เป็น เหมือนเด็กเล็กๆ ที่เจอเงินตกอยู่เป็นแสน หากเก็บเงินมาใช้ ก็คงนึกได้แค่เอาไปซื้อของเล่น เราก็เช่นกัน ก็คงเอาบารมีไปสนองกิเลสมนุษย์ เพราะเรานึกได้แค่นั้น
บทความนี้ ค่อนข้างจำเพาะกับวิทยากรสอนธรรม ต้องขออภัยสำหรับบุคคลทั่วไปนะครับ