Pages

Sunday, August 1, 2010

กลลวงจากสิ่งที่เราเห็น

เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2553 ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปสอนสมาธิที่โรงเรียนในจังหวัดสมุทรสงครามแห่งหนึ่ง เด็กที่นั่นเรียบร้อยมากดั่งผ้าพับไว้ ทำให้จำเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อนที่เรามาสอนที่โรงเรียนนี้เช่นกัน ครั้งนั้นเด็กก็เรียบร้อยมากอย่างผิดสังเกต แต่เด็กๆ แทบไม่เกิดธรรมะเลย และไม่ตอบสนองต่อการบอกนำวิชชาของเราทั้งสิ้น ทั้งที่สภาพภายนอกดูสงบเรียบร้อยเหลือเกิน วันนี้ ผ่านมาหลายปี เด็กรุ่นก่อนจบจากโรงเรียนนี้ไปหมดแล้ว มารุ่นใหม่ก็ดูเรียบร้อยพอๆ กัน แต่วันนี้เราถามเด็กว่า หนูเคยฝึกสมาธิมาก่อนหรือเปล่า เด็กยกมือกันทุกคน ฝึกสายไหน ใช้คำภาวนาว่าอะไร เด็กๆ ตอบว่า พุทโธ

พอเราสอนไปๆ เราให้เด็กดูดวงใสในมือ แล้วจำไว้ ตามหลักการฝึกกสินของหลวงพ่อวัดปากน้ำ ถามเด็กว่านึกได้ไหม เด็กทุกคนนั่งหลับตานิ่ง แล้วไม่ตอบสนองต่อคำถามของเรา ให้ลืมตาทำใหม่ ก็ยังเหมือนเดิม แสดงให้เห็นว่าพอเด็กหลับตา ใจก็ไปอยู่กับลมหายใจ แล้วไม่ฟังคำสั่งวิทยากรอีก เราจึงต้องแก้ไขอย่างจริงจังขึ้น สั่้งเด็ดขาดให้ทำตามเรา และวางความรู้เก่าไปก่อน เด็กจึงทำได้ เห็นดวงธรรมและเกิดกายธรรมกันยกชั้น

ผมขอพักเรื่องสอนเด็กไว้แค่นั้น จะขอเล่าเรื่องราวต่อ เมื่อไม่นานมานี้ ลูกชายของเพื่อนน้องสาว ชื่อน้องแอ๊น อายุ 17 ปีได้ตายไปจากเราจากอุบัติเหตุรถที่ตัวเองนั่งขับกันไปกับเพื่อนชนเขาข้างทาง ไปกัน 4 คน น้องแอ๊นตายคนเดียว นอกนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร การไปเที่ยวของพวกเขา ก็เป็นเรื่องที่เด็กๆ ไปกันเอง ผู้ใหญ่ห้ามไว้แล้ว แต่ก็ไม่เป็นผล มันเป็นเรื่องไม่คาดคิดสำหรับพวกเรา เพราะน้องแอ๊นเป็นเด็กที่เราสอนจนเป็นธรรมกายมาตั้งแต่ยังเล็ก เที่ยวนี้เราพลาดมากเหลือเกิน

ผลต่อเนื่องที่ตามมาคือ เราให้คนที่มีรู้ญาณที่พอตรวจสอบได้ไปดูน้องแอ๊น วันแรกๆ พบว่าเขายังอยู่ที่เดิมที่เกิดอุบัติเหตุ และไม่รู้ว่าตัวตาย พอเขารู้ เขาฝากขอโทษไปถึงคุณแม่เขา แต่อีกสองสามวันต่อมา ตัวเขาก็เปลี่ยนสภาพไป เริ่มมีเครื่องทรง มีสังวาลย์ กางเกงกลายเป็นกางเกงสามส่วน รองเท้ามีหัวงอนๆ แสดงถึงเครื่องแต่งตัวของเทวดา แล้วก็บอกว่าไม่ต้องห่วงเขาแล้ว

เรื่องรู้ญาณที่นำมาประกอบ ผมไม่ขอบอกถึงรายละเอียด เอาเป็นว่า เราพอตรวจสอบกันได้

ในช่วงเวลาเดียวกัน คุณอาของสามีของน้องสาวของผม ได้ตายจากอุบัติเหตุจราจรอีกเช่นกัน ปกติแกเป็นผู้ใหญ่ใจดี ใจบุญสุนทาน เป็นแบบฉบับของคนเข้าวัดเข้าวาในอดีต แต่ไม่ได้มาเรียนรู้ธรรมปฏิบัติอย่างที่เราทำ เราได้ไปตรวจอาท่านนี้ พบว่าไปเป็นสุข แต่เป็นสวรรค์ชั้นต้นๆ ไปไม่ถึงที่ที่น้องแอ๊นไป

ถ้ามองด้วยสายตาของมนุษย์ ระหว่างเด็กวัยรุ่นที่กำลังแก่น ซึ่งน้องแอ๊นก็มี กับคนแก่ใจดี ทำบุญตลอดชีวิต ใครน่าจะไปดีกว่ากัน

สรรพสิ่งทั้งปวง ความรู้ทั้งปวง คุณความดีทั้งปวง มันมี ต้น กลาง ปลาย อ่อน แก่ หยาบ ละเอียด เล็ก โต อดีต ปัจจุบัน อนาคต ทั้งนั้น หากท่านทำความดีแค่เกื้อกูลกันในหมู่มนุษย์ ตายไป ท่านก็ยังอยู่ใกล้ๆ มนุษย์ อาจเป็นสวรรค์ชั้นหนึ่ง แล้วก็เวียนกลับมาใหม่ แต่ถ้าความดีของท่าน เข้าสู่เส้นทางระดับปรมัตถ์ อันเป็นทางไปเพื่อความหลุดพ้น ธาตุธรรมท่านยกระดับมากกว่า ท่านก็ไปพักในสวรรค์ที่สูงกว่า มีรอยใจให้กลับมาสร้างบารมีต่อ

เหมือนคนที่ปวดหลังจากหมอนรองกระดูกเคลื่อน คนรอบตัวที่ดูกุลีกุจอ มาบีบนวดเท้านวดขาให้เป็นวันๆ ก็ไม่อาจสู้แพทย์ที่สามารถจัดกระดูกให้เพียงกรึ๊กเดียวได้

การทำความดี มันถูกดี ถึงดี และเข้มข้นพอหรือเปล่า อย่างการนั่งสมาธิ เราจะมานับจำนวนชั่วโมงในการนั่ง เช่นนั่งได้ 3 ชั่วโมง แต่ฟุ้งซ่านรวมใจไม่ติด กับนั่ง 15 นาที แต่เดิน 18 กายได้ครบ อะไรจะดีกว่ากัน

หากเราทำความดีแค่ระดับพื้นฐาน แต่อ้างปริมาณเข้าว่า ยังไงมันก็ได้แค่งานของเด็กอนุบาล

ผมเห็นคนบางคน ไปถือศีลอุโบสถทุกวันพระ เป็นการลงทุนลงแรงลงเวลาทั้งชีวิต แต่ไม่เอาความรู้ เอาแต่กิจกรรม ผิดกับวิทยากรสอนธรรมอย่างพวกเรา วันหยุดอาจจะพักผ่อน ไม่ได้สร้างภาพว่าแก่ทางธรรม แต่เมื่อถึงเวลาเราก็ไปสอนธรรม ก็ลองเปรียบเทียบกันดู แต่คนทั่วไปจะมองความพยายามของคนที่ไปอดตาหลับขับตานอนที่วัดว่ามีมากกว่า

ผู้ที่ประสบความสำเร็จทางโลก เช่นหมอผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ประสบอุบัติเหตุ รถเก๋งที่ท่านขับชนกับรถบรรทุก 10 ล้อที่จอดอยู่ข้างทาง ท่านเสียชีวิตทันที หลงตาย เพราะเราเห็นว่าท่านยังไม่ได้ไปไหน นอกจากยังอยู่ในที่ที่ท่านตายนั่นเอง ทั้งที่ในทางโลก ท่านประสบความสำเร็จสูงสุด นั่นคือ ท่านมีตัวชี้วัด ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข พรั่งพร้อมบริบูรณ์

แต่เมื่อเข้ามาทางธรรม ผู้ใฝ่ธรรมเริ่มใช้ตัวชี้วัด ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เหมือนกับผู้ใฝ่ทางโลก ซึ่งดูจะแปลกๆ เพราะผู้ใฝ่ทางโลกเขาก็ได้มันมาโดยไม่ต้องพึ่งทางธรรม ประเด็นนี้โปรดคิดดูให้ดีว่า เราหลงทางหรือเปล่า

รวย ! รวยสุดๆ ! รวยโย่ ! รวยโคตรๆ !

ดังนั้น สิ่งที่เรารู้สึกด้วยความเป็นมนุษย์ว่าดีแล้ว บางทีก็ต้องมองให้ลึก ว่าเรากำลังเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า และอย่าด่วนตัดสินอะไรทั้งนั้น ให้ยึดหลักกาลามสูตรเข้าไว้ หากมีโอกาสจะเขียนเรื่องกาลามสูตรสักครั้ง