ผมเคยพูดถึง ความเชื่อของพุทธศาสนิกชน มาแล้ว มีอยู่ส่วนหนึ่งที่มีความเฃื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งสายธรรมกายก็มีความเชื่อเอนเอียงมาทางนี้เป็นหลักใหญ่
ความรู้ในวิชชาก่อให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ได้ในระดับหนึ่ง แต่เมื่อเราศึกษามากขึ้น จะพบว่าแม้เป็นความรู้เดียวกัน แต่ความศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่เท่ากัน นี่จึงเป็นความแตกต่างในวิชชาธรรมกาย ที่ทำให้ต้องมีความรู้เพิ่มเติมว่าวิชชานี้ มีเจ้าของวิชชา และการทำความศักดิ์สิทธิ์ ต้องให้เจ้าของวิชชาเป็นผู้อนุญาต อีกส่วนหนึ่งคือบารมีที่เราสร้างสะสมมากขึ้นในทุกๆ วันด้วย
ใครเป็นเจ้าของวิชชาธรรมกาย?
คำถามนี้เป็นคำถามในบทเรียนคู่มือมรรคผลพิสดารภาค 2 คำตอบคือ พระพุทธเจ้าเป็นเจ้าของวิชชาธรรมกาย หากเจ้าของวิชชาไว้วางใจใคร ก็จะมอบความศักดิ์สิทธิ์ไว้กับผู้นั้น ครูบาอาจารย์แต่ละยุคจึงมีความศักดิ์สิทธิ์กันเป็นรุ่นๆ รวมถึงการทำวิชชาของครูอาจารย์ในแต่ละเหตุการณ์ ก็ทำให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์เฉพาะอย่างด้วยเช่นกัน
การศึกษาวิชชาธรรมกายจึงต้องศึกษาเหตุการณ์ประกอบในแต่ละยุคด้วย
คำว่า สัมมาอะระหัง
ผู้ใดท่องคำว่า สัมมาอะระหัง พระพุทธเจ้าจรดกระหม่อมผู้นั้นทันที อันนี้ผมได้ยินมาว่า หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านไปตกลงกับพระพุทธเจ้าไว้
ส่วนที่เรามาบรรยายความหมายต่างๆ ตามตัวหนังสือ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
การเข้าหากายธรรมต้นธาตุ
อันนี้เป็นความรู้จากเหตุการณ์ของแม่ชีถนอม ที่พบว่าหลวงพ่อวัดปากน้ำท่านเป็นต้นธาตุ ถูกสั่งลงมาเกิดเพื่อให้มาค้นวิชชาธรรมกายกลับมาใหม่ เมื่อท่านมรณภาพ ท่านยังไม่ได้กลับไปยังสถานที่เดิมที่ท่านมา แต่ยังปกครองดูแลอยู่ในนิพพาน (เครื่อง) ที่สร้างขึ้นระหว่างนิพพานกับภพ 3
ในคู่มือวิปัสสนาจารย์ การเข้าหากายธรรมต้นธาตุ จะต้องเดินดวงธรรม 6 ดวงจากกายธรรมพระอรหัตต์ละเอียดของเรา พอจุดเล็กใสเท่าปลายเข็มกลางดวงธรรมที่ 6 ว่างออกไป เราจะเห็นดวงเครื่องเป็นดวงใสขนาดใหญ่มหึมา เราต้องส่งใจนิ่งไปกลางดวงเครื่อง จึงเห็นดวงธรรมของเครื่อง แล้วเดินดวงธรรมของเครื่องไปอีก 6 ดวง จึงจะเห็นกายธรรมต้นธาตุ
คุณลุงต้องการลัดขั้นตอนนี้ จึงสั่งวิชชาไว้ให้เรา จากกายธรรมพระอรหัตต์ละเอียดเดินดวงธรรม 6 ดวง เข้าหากายธรรมต้นธาตุได้เลย โดยไม่ต้องผ่านดวงเครื่อง จึงฝากเป็นความรู้ไว้ว่าทำไมไม่เหมือนตำรา
วิชาอาราธนาพระพุทธเจ้าคุมธรรม
มีอยู่ในคู่มือวิปัสสนาจารย์ จะเห็นว่ามีความซับซ้อน ละเอียดละออยิ่งนัก เราเดินวิชชานี้ก่อนจะไปสอน 18 กาย แต่ในระยะหลัง วิทยากรเอกอาจเดินวิชานี้เพื่อไปสอนนักเรียนประจำวัน แค่ให้เห็นดวงธรรม และกายธรรม 1-4 กาย เคยมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าการสอนในตำรานั้นไม่ถูก แต่คุณลุงบอกว่าไม่ใช่ไม่ถูก แต่มันดูยากไป ให้เอาอย่างนี้ละกัน คือ ....
เมื่อทำตามลุงแล้ว นอกจากจะง่ายขึ้น ก็ยังได้ผลงานสอนเป็นที่อัศจรรย์อีกด้วย
ตำรา คือ ปิฎก
เมื่อไหร่ก็ตามที่มันออกมาเป็นตำรา และผ่านตาครูบาอาจารย์แล้ว บางทีมันจะกลายเป็นปิฎกที่ยากแก่การแก้ไข จึงต้องระมัดระวังให้ดี แต่การมีตำรามีข้อดีคือ สามารถใช้อ้างอิง ยุติความขัดแย้งได้ ถึงกระนั้นผู้ใกล้ชิดกับตำราต้องรอบคอบ และระลึกเสมอว่าตำราเหล่านี้จะต้องตกทอดไปสู่คนรุ่นหลังอีกไม่รู้กี่รุ่น
รูปประกอบคำบรรยายเรื่องธาตุ 6 ตกเลข 6 ไปหนึ่งตัว
อันนี้เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ผมอยากยกมาแลกเปลี่ยน
ผมเคยได้ยินจากครูบาอาจารย์เก่าๆ ว่ามันเกิดการตกหล่นในระหว่างการเรียงพิมพ์ในยุคนั้น เมื่อพิมพ์เสร็จแล้วหลวงพ่อวัดปากน้ำท่านดูแล้ว ท่านไม่ได้ว่าอะไร ท่านอาจไม่ทันเห็นก็ได้ แต่เมื่อมีคนมาเห็นในภายหลังก็ไม่กล้าแก้ไข เพราะถือว่าผ่านตาหลวงพ่อวัดปากน้ำแล้ว หากแก้ไขเองโดยพลการก็โดน “เซฟ”
ไม่ว่าเหตุผลจะเป็นเช่นไร ภาพที่ตกหล่นนั้นก็ส่งต่อมาถึงยุคสมัยนี้ และมีผู้คนมากมายเกิดความสงสัยดังกล่าวข้างต้น ผมขอทิ้งเป็นข้อมูลไว้ เพราะถึงอย่างไรผมก็เป็นนายแพทย์ที่ผ่านการเรียนรู้แบบเหตุผลในเชิงวิทยาศาสตร์มาตลอดชีวิต ใจผมไม่เห็นด้วยกับเหตุการณ์ดังกล่าวนัก
วิชชาง่ายๆ แต่หากครูไม่สั่งก็ยังไม่ศักดิ์สิทธิ์
อันนี้ผมเขียนจากความรู้สึกส่วนตัว คือเราก็รู้วิธีทำวิชชาอยู่แล้ว แต่มันยังเกิดผลไม่ถนัดใจ ต่อเมื่อครูอาจารย์หรือผู้ใหญ่ในวิชชาสั่งให้ทำ จะได้น้ำได้เนื้อขึ้นมาทันที สังเกตกันดูนะครับ
บูชาครู
สุดท้ายผมรู้สึกยินดีสำหรับผู้ที่มีโอกาสและจังหวะชีวิตที่ได้ใกล้ชิดครูบาอาจารย์ ได้ปรนนิบัติท่าน เห็นจำคิดรู้ของท่านศักดิ์สิทธิ์ ท่านนึกถึงเราก็เป็นมงคลแก่เรา แต่การบูชาครูก็อย่าลืมเน้นเรื่องปฏิบัติบูชา รวมถึงการดูแลรักษาวิชชาที่ครูบาอาจารย์อุตส่าห์แลกมาด้วยชีวิตกว่าจะค้นคว้ามาได้ อย่าให้วิชชา เพี้ยน เฝือ เรื้อรัง ไปในยุคเรา
เนื้อหาของวันนี้ยังมีอีกมาก แต่ขอจบไว้เท่านี้ก่อนครับ