Pages

Sunday, December 4, 2011

การแก้โรค


เราพบเห็นผู้มีความรู้วิชาธรรมกายอยู่มากมายจนตัดสินใจไม่ถูกว่าจะไปทางไหน
สำหรับผม ผมดูตัวชี้วัดง่ายๆ ที่คุณลุงให้ผมไว้ตั้งแต่เริ่มแรก คือ

ธรรมกาย ต้องทำสิ่งเหล่านี้ได้

  1. สามารถแก้ทุกข์ภัยโรค ด้วยวิชาได้
  2. สามารถสอนเบื้องต้นให้เกิดธรรมได้
หากไม่มีประวัติว่า ทำ 2 สิ่งนี้ได้ ก็ฟังไม่ขึ้น

เมื่อมองให้ลึกซึ้ง ข้อ 1 คือการแก้วิชาสายทุกข์สมุทัยของเขา ส่วนข้อ 2 คือการแก้วิชาสายปิฎกของเขานั่นเอง ไม่ว่าท่านจะเรียนแตกแขนงมาอย่างไร สุดท้ายท่านต้องทำ 2 สิ่งนี้ได้ ไม่อย่างนั้นก็เป็นการคุยวิชาให้เฝือกันไปเปล่าๆ คือ ฟังไม่ขึ้น ในสายตาของคุณลุงนั่นเอง

ตอนนี้ ผมจะอ้างอิง การแก้โรค เป็นหลัก ซึ่งสามารถเอาความเข้าใจไปเกี่ยวโยงถึงทุกข์ภัยทั้งปวงได้ด้วย

ความรู้ทุกอย่าง มี ต้นกลางปลาย อ่อนแก่ หยาบละเอียด อดีตปัจจุบันอนาคต เล็กโต เสมอ เราจะแก้โรคได้ เราต้องมีความรู้ในวิชา และต้องมีบารมีที่จะสู้กับ โรค นั้นด้วย

ผมเคยเขียนเรื่อง วิชชาธรรมกาย กับโรคที่เกิดแก่มนุษย์ มาแล้ว นั่นเป็นการแจกแจงสาเหตุในระดับมนุษย์ พบว่าส่วนใหญ่โรคเกิดจากมารเป็นหลัก เราจะแก้โรค เราก็ต้องไปปราบมารที่ทำให้เกิดโรค มาถึงตอนนี้ เราก็รู้ว่าการปราบมาร ไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใข่เรื่องที่เราจะมาพูดกันเล่นๆ แล้วทำไมจึงพบว่ามีหลายสำนักหลายความเชื่อสามารถแก้โรคได้

ถึงตอนนี้ ผมขอแบ่งฝ่ายแก้โรคแบบง่ายๆ เป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายความเชื่อที่เป็นแบบเดียวกับผู้ส่งโรค กับฝ่ายความเชื่อของภาคพระที่เป็นคนละฝ่ายกับผู้ส่งโรค

หากผู้แก้ มีความเชื่อแบบเดียว(หรือละม้าย) กับผู้ส่งโรค อันนี้ไม่ยาก พวกเดียวกัน อยากแก้โรคให้หาย ข้าก็หยิบโรคออก ทีเดียวโรคก็หาย แต่ต้องบวงสรวงทำพลีอย่างนี้ๆๆๆ ด้วยนะ ซึ่งเป็นการส่งส่วยเพิ่มกำลังให้ฝ่ายเขา และทำให้ความเชื่อในสำนักนี้เกิดความนิยมส่งต่อออกไป ซึ่งแน่นอนเป็นความเชื่อเพี้ยนๆ ที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อการสร้างบารมียกระดับธาตุธรรมของสาวกเหล่านั้น เขาต้องการให้มาติดกับความเชื่อตรงนี้เพื่อไม่ให้เจอของจริง และเป็นแหล่งได้บารมีส่วนละเอียดจากพลีกรรมของคนเหล่านั้นต่อไปเรื่อยๆ

แต่ถ้าผู้แก้เป็นฝ่ายพระ อันนี้ต้องเหนื่อยหน่อย ขึ้นอยู่กับว่า ผู้แก้มีบารมีแค่ไหน?

ถ้าบารมีน้อยกว่าเขา ท่านแก้โรคไม่ได้ ท่านต้องสร้างบารมีและหาความรู้ให้มาก ไม่อย่างนั้นท่านอาจต้องใช้วิธีเดียวกับ ความเชื่อเดียวกับผู้ส่งโรคดังที่กล่าวมา นั่นคือวิชาท่านจะเริ่มเพี้ยนออกไป

หากท่านเริ่มมีบารมีมากขึ้นจนใกล้เคียงกับเขา ท่านเริ่มต่อรองกับเขาได้บ้าง ท่านอาจพูดถึงความรู้เรื่องเจ้ากรรมนายเวร แล้วจำต้องส่งบุญส่งบารมีให้เขา เพื่อให้เขาอดโทษให้ผู้ป่วย ท่านอาจต้องอ้างเหตุที่ท่านมาแก้โรคให้คนๆ นี้ว่า เพราะเขาเป็นญาติของท่าน เพราะเขาขอให้ท่านแก้ให้ในฐานะลูกศิษย์ โรคจึงจะหายได้ หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านบอกว่ามารมันแพ้หลอกๆ คือเขาไม่ได้แพ้เลย เพียงแต่เขายอมให้โรคหายเท่านั้น

ถ้าบารมีท่านสูงกว่าเขา อันนี้ไม่ต้องพูดกันมาก บารมีระดับปราบมาร เพียงแต่ว่าท่านจะแก้ในระดับลึกแค่ไหน แก้แค่เครื่องที่เขาส่งมา หรือสาวไปถึง ผู้ต้นคิดวิชา ผู้สอด ผู้ส่ง ผู้สั่ง ผู้บังคับ ผู้ปกครอง ผู้ปกครองย่อย ผู้ปกครองใหญ่ เครื่องรวมย่อย เครื่องรวมใหญ่ หัวใจเครื่องรวมใหญ่ (ของผู้ปกครองใหญ่) ซึ่งกว่าจะเจอเขา บางทีทำวิชาเข้าไปหลายชั้น อย่างที่ผมพูดไว้ในบทความ วิชชาธรรมกายกับคณิตศาสตร์ (1) มาแล้ว ท่านจะคำนวณแก้เฉพาะหน้าตอนนี้ หรือแก้เหตุอดีตปัจจุบันอนาคต ต้นกลางปลาย ฯลฯ ไปตามแกนตั้งแกนนอน เพื่อกันไม่ให้เขาป่วยด้วยโรคเดิมใหม่ข้ามภพข้ามชาติ คือเป็นสมุทเฉทปหานไปเลยหรือไม่?   ผมกล่าวถึงแนวคิดต่อยอดไว้เท่านั้น

บางแห่งคุยว่า การแก้โรคไม่ยาก เราก็ต้องดูว่าหลักการแก้ของท่านเป็นอย่างไร ความเชื่อของท่านเป็นแบบใด ท่านเป็นพวกใคร ท่านสร้างบารมีแบบไหน สร้างมาจนมีบารมีมาแล้วมากน้อยเท่าไหร่ และสุดท้ายท่านแก้ด้วยวิธีใด?

ตัวชี้วัดที่ว่าโรคหาย อาจมองเพียงครั้งนั้นครั้งเดียวไม่ได้